ผู้คนทั่วโลกหวาดผวากับสถานการณ์สู้รบในตะวันออก กลาง ระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล อาจลุกลามบานปลาย ส่งผลกระทบกับปัญหาเศรษฐกิจซบเซาไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออก ราคาพลังงาน (น้ำมันดิบ-ก๊าซธรรมชาติ) และราคาทองคำจะผันผวนสูงมากขึ้น

ก่อนวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสคุยกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง หลายเรื่องตั้งแต่ 8 ฮับการท่องเที่ยวแลนด์บริดจ์ทูมอร์โรว์แลนด์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แล้วไปจบกันด้วยเรื่องการพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลบริเวณไหล่ทวีประหว่างไทยกัมพูชา (Overlapping Claims Area) หรือ “OCA”  ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร

นายกฯ เศรษฐาพูดชัดเจนเกี่ยวกับ OCA ว่าการเจรจาจะสำเร็จลุล่วง และลงนามได้ภายใน 18 เดือน (อย่างช้า) โดยเริ่มนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 67 เป็นต้นไป

ผมไม่ได้ไปตกลงเรื่องดินแดนบนบกและในทะเลกับใคร ไม่ได้แบ่งแยก หรือเสียดินแดนให้ใคร แต่สนใจเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์เกี่ยวกับพลังงานใต้ท้องทะเลเพียงอย่างเดียว ดังนั้นกรณี OCA จึงไม่มีใครแพ้ใคร ศักดิ์ศรีก็ไม่เสีย เพราะขุดก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบขึ้นมาบนปากหลุมได้เท่าไหร่ ก็แบ่งคนละครึ่ง ตอนนี้บริษัทเอกชนต่าง ๆ พร้อมขุด

นายกฯ เศรษฐากล่าวต่อไปว่า เราอย่าไปดราม่า อย่าสร้างวาทกรรมเกี่ยวกับ “เกาะกูด” เนื่องจากเกาะกูด จ.ตราด มีสถานะเป็นอำเภอของประเทศไทยมานานแล้ว ทางกัมพูชาเขาไม่ได้อยากได้เกาะกูด เพราะไม่รู้จะเอาไปทำไม!

แต่ทั้งกัมพูชาและไทยอยากได้ก๊าซฯ และน้ำมันดิบ ตามที่บริษัทเอกชนต่าง ๆ เคยสำรวจและประเมินว่าบริเวณ OCA น่าจะมีก๊าซฯ และน้ำมันดิบ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านล้านบาท นี่คือมูลค่าเบื้องต้นที่ยังไม่ได้นำไปต่อยอดสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ

สมมุติ 20 ล้านล้านบาท แล้วแบ่งปันกันคนละครึ่ง กัมพูชาเจริญขึ้น ไทยก็เจริญขึ้น ไม่ดีกว่าหรือ? ปัจจุบันไทยมีประชากรกว่า 66 ล้านคน มีงบประมาณประเทศปีละ 3.48 ล้านล้านบาท แต่ถ้าได้มา 10 ล้านล้านบาท คืองบประมาณประเทศเกือบ 3 ปีจีดีพีจะขยายตัวขึ้นอีกเท่าไหร่ และหนี้สาธารณะจะลดลงเท่าไหร่?

สิ่งสำคัญที่ไทยจะได้คือความมั่นคงทางด้านพลังงาน และเสถียรภาพของราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาไฟฟ้าจะถูกลงอย่างแน่นอน ไม่ผันผวนเหมือนช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะเราต้องนำเข้าก๊าซฯ จากต่างประเทศเข้ามาผลิตไฟฟ้า

ขณะที่กัมพูชามีประชากรแค่ 17 ล้านคน ถ้าได้ไป 10 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจของกัมพูชาจะดีขึ้นอีกมาก ฐานะความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชาจะดีขึ้นอีกเยอะ และมีเงินซื้อเครื่องมือ-อุปกรณ์ทำการเกษตรที่ทันสมัยกว่าปัจจุบัน ปัญหาการเผาป่าจะลดน้อยลง รัฐบาลกัมพูชาก็มีงบซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้ดับไฟป่า แบบนี้ไม่ดีหรือ?

แต่ถ้ามัวไปคุยกันเกี่ยวกับพรมแดน นั่งถกกันเรื่องเส้นละติจูด ลองจิจูด จะเสียเวลาอีก 100 ปี ก็เถียงกันไม่จบ! ขณะเดียวกันอีก 20 ปี หรือ 50 ปีข้างหน้า เทรนด์ของโลกยังจะนิยมใช้ก๊าซฯน้ำมันดิบกันอยู่หรือเปล่า?

ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยมองเรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงาน เรื่องเสถียรภาพของราคาพลังงาน และโอกาสในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 2-10 ปีนี้ก่อน

ปัจจุบันเราทราบว่า OCA มีก๊าซฯ และน้ำมันดิบ ถ้ารัฐบาล 2 ประเทศตกลงกันได้ และเซ็นสัญญาลงนามเมื่อไหร่! สามารถเอาไปขายล่วงหน้าได้แล้ว ธนาคารก็พร้อมให้เงินก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือขุด

เหมือนประเทศซาอุฯ สำรวจพบน้ำมันดิบใต้ดินบริเวณไหน เขาเอาเงินอนาคตมาใช้ก่อนแล้วเอาของที่ยังอยู่ใต้ดินไปขายล่วงหน้า ดังนั้นเรื่อง OCA ต้องจบภายใน 18 เดือนนี้ เป็นอย่างช้า!!.

……………………………….
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…