สดชื่นกันถ้วนหน้า!! ทั้งคนกิน คนขาย คนส่งของ หรือเจ้าของแพลตฟอร์ม หลังรัฐบาลเค้ายอมให้ใช้คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.64

แม้ว่า… รัฐบาลได้สนับสนุนเงินให้เฉพาะในส่วนของค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ไม่รวมค่าจัดส่ง หรือค่าอื่น ๆ ก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อผู้บริโภคเสียเงินเพียงแค่ครึ่งเดียวในโครงการคนละครึ่ง ก็ย่อมเป็นแรงจูงใจให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น และถ้าไรเดอร์ ขยัน ก็ย่อมต้องได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นตามมาด้วย

ต่อให้ ณ เวลานี้ มีเพียง 2 เจ้า ที่เข้าร่วมโครงการก็ตาม แต่ก็ถือว่า… เป็นการ “สร้างโอกาส” ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  สุดท้าย!! กำลังซื้อ กำลังใช้จ่าย ก็บังเกิด!! ซึ่งก็จะมาหมุนให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน

อย่าลืมว่า ล่าสุด เมื่อสิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีประชาชนคนไทย ใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่ง กว่า 24.35 ล้านราย ได้ซื้อข้าวซื้อของไปแล้วกว่า 34,474 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินของรัฐที่ช่วยจ่ายให้อีก 33,267 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 67,742 ล้านบาทแล้ว

นอกจากนี้ยังมีคนที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ อีกกว่า 2 ล้านคน รวมทั้งยังมีคนลงทะเบียนใหม่ และได้สิทธิหลังวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาอีก หากผู้ที่ได้รับสิทธิทั้งมวลตามโครงการที่กำหนดไว้ 28 ล้านคน ใช้สิทธิกันอย่างเต็มที่ ก็ยิ่งช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศมีการหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นไปอีก

แถมรัฐบาลยังได้โอนเงินงวดที่ 2 อีก 1,500 บาทให้กับคนที่ได้รับสิทธิรอบแรก และอีก 3,000 บาท ให้กับคนที่ได้รับสิทธิหลังวันที่ 1 ต.ค. เข้าให้อีก ก็เท่ากับว่าช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้เกิดการหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปี

ที่สำคัญ!! ขุนคลัง ยังออกมาแพลม ๆ ให้ดีใจอีกว่า อาจขยายโครงการคนละครึ่งไปจนถึงช่วงตรุษจีน โน่น ซึ่งเท่ากับว่าระยะเวลาในการใช้เงินก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก 1-2 เดือน หากใช้กันไม่หมดในสิ้นปีนี้

ส่วนคนที่จะใช้คนละครึ่งสั่งฟู้ดดิลิเวอรี่ ก็ง่าย ๆ แค่ 4 ขั้นตอน ตามที่กระทรวงการคลังได้แจ้งไว้ เริ่มจาก ขั้นตอนแรก… เข้าแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” แล้วก็กดแถบแบนเนอร์ ฟู้ดเดลิเวอรี่ ในหน้าแรก หรือจะเข้าผ่าน จี-วอลเล็ท ก็ได้ จากนั้น กดแถบโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ แล้วจึงกด แถบ ฟู้ดเดลิเวอรี่

ขั้นตอนที่ 2 ให้กด “สั่งผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม” บนแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง แล้วจึงเลือกผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มที่ต้องการใช้งาน หรือจะกด “ค้นหาเมนูหรือร้านอาหาร” เพื่อเลือกซื้ออาหาร เครื่องดื่มได้

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 2 ไปแล้ว ระบบจะเชื่อมไปที่แอพพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม เพื่อสั่งอาหาร เครื่องดื่มจากร้านอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่ใช้บริการ ต้องชำระ “ค่าส่ง” ที่แอพพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มก่อนให้เรียบร้อย จากนั้นในขั้นตอนสุดท้าย!! ผู้ใช้บริการจะได้รับการแจ้งเตือนให้ชำระค่าอาหาร เครื่องดื่มบน จี-วอลเล็ท จากนั้นให้กดปุ่มชำระค่าอาหาร เครื่องดื่ม พร้อมใช้สิทธิผ่าน จี-วอลเล็ท ซึ่งขั้นตอนนี้… ต้องชำระเงินภายใน 5 นาที

เอาเป็นว่า…ในเมื่อรัฐบาลเค้าขยายโอกาส เพิ่มช่องทางให้แล้ว ก็อย่าเพิกเฉย ช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอบสนองรัฐบาลกันให้เต็มที่ เพราะเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง ที่เรียกว่าน่าจะถูกอกถูกใจประชาชนคนไทยมากที่สุดแล้ว

ไม่เพียงเท่านี้!! ยังต้องรอฟังชัด ๆ กันอีกทีว่า หลังจากนี้… รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้อีก

เพราะอย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ภาคเอกชน เรียกร้องหนักมากว่า รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องถมหลุมดำรายได้ ที่ขาดหายไปจากพิษของไวรัสโควิด-19 นี้ให้เต็ม หากไม่เต็ม การกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่สำเร็จ

หนึ่งในข้อเรียกร้องของเอกชน ก็หนีไม่พ้น เรื่องของการงัดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ เป็นช่วงปลายปี ช่วงเทศกาล หากรัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้น ก็น่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อีกไม่น้อยทีเดียว

ต่อให้ใครหลายคน บอกว่าไม่มีเงินไม่มีตังค์จะชอปปิง เพราะตกงาน ไม่มีงานทำ ขายของไม่ได้ อะไรก็ตาม แต่อย่าลืมว่า… ยังมี “กลุ่มคนที่มีกำลังใช้จ่าย” อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ที่แม้ว่ายังคงหวาดกลัว ยังไม่กล้าใช้จ่าย

แต่เชื่อเถอะ หากรัฐบาลมีมาตรการจูงใจที่ดึงดูดพอ กำลังซื้อเหล่านี้ก็พร้อมกลับมาแน่นอน โดยเฉพาะการชอปปิงออนไลน์ ที่คาดกันว่าในปีนี้จะมีมูลค่าทะลุ 4 แสนล้านบาทกันทีเดียว

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”