วันนี้ คอลัมน์ตรวจการบ้าน ต้องมาสนทนากับ“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)และอดีตคนคุ้นเคยจะมาชำแหละสิ่งที่เกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยว่าจะอนาคตจะเป็นอย่างไร  

โดย “จตุพร” เปิดประเด็นถึงการปรับ ครม.เศรษฐา ครั้งนี้ ว่า หาผลดียังไม่ได้เพราะว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ที่สำคัญที่สุด คือ การไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองและพรรคเพื่อไทย คือ ในอดีตตั้งแต่ ไทยรักไทยได้เสียงเกินครึ่ง มาเป็นรัฐบาลครั้งนี้ได้ 141 เสียง จากจำนวน สส.500 คน พรรครัฐบาล 314 เสียง หลักคิดเหมือนเดิมจึงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะต้องอาศรัยเสียงพรรคร่วม แต่ว่าวิธีการที่จะปฏิบัติกับบรรดาคนในพรรคก็ยังเป็นวิธีการเดิม ก็คือการตัดสินใจลงมืออย่างไร ทุกคนก็มีหน้าที่ในการยอมรับ ไม่ว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข หรือกรณีของนายปานปรีย์  พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ รวมทั้งคนอื่นๆ ต่างก็ผ่านอานิสงส์นี้มาไม่ได้เป็นรายแรก

วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ นพ.ชลน่านก็เคยเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะรายนี้  เขาไม่มีความผูกพันในเชิงมนุษย์ เขาคิดกันเป็นตอนๆ นักการเมืองคือวัสดุสิ้นเปลืองใช้แล้วทิ้ง ใครทนได้ก็ทนไป เพราะเขาคิดว่าอย่างไรพวกนักการเมืองก็ไม่มีปัญญาไปไหน ไอ้พวกมีปัญญาไปก็คบค้าสมาคมกับเขาได้ กลับเข้ามาเขาก็ยังรับเหมือนเดิม เพราะสปีชีส์เดียวกัน คือ คิดเป็นตอนๆ แต่ว่า นักการเมืองแบบพันธุ์อย่างนพ.ชลน่านไม่ได้เข้าสเปกนี้ กรณีของนายปานปรีย์ก็เหมือนกัน

ส่วนกรณีสุทิน คลังแสง ที่มีชื่อถูกปรับตอนแรกแต่ก็ไม่ถูกปรับ คือทุกอย่างที่นายกฯ “ทักษิณ ชินวิตร” คิดว่าเบ็ดเสร็จ มันก็ไม่เบ็ดเสร็จ และเป็นกระทรวงเดียวที่แม่ทัพนายกองขอว่าให้เป็น “นายสุทิน” เอามานั่งไว้อย่างน้อยก็ไม่มีมาขัดใจ และคอยอธิบายและช่วยบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ไม่มีพิษ ไม่มีภัย “นายสุทิน” ก็รอดและโชคดีไป”

@มองการอยู่ในตำแหน่งของนายเศรษฐาอย่างไร สุดท้ายจะกลายเป็นเหมือนคนเหล่านี้หรือไม่

คือทั้งหมดมาจากดีลลังกาวี ภาพที่เห็น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ในวันนั้น ดีลที่สำเร็จคือ ดีลลังกาวี ส่วน ดีลฮ่องกง คือ หายนะของพรรคก้าวไกลที่เดือดร้อนเรื่องการยุบพรรค ซึ่งดีลที่มาของรัฐบาลคือลังกาวี ดังนั้นคณะของผู้ที่ดีลและทีมเขาก็มีหน้าที่ในการรักษาดีล เพราะส่วนที่ให้ก็ยกให้ตามลำดับ ให้ทุกตอน ที่ได้ตามลำดับ ไม่ติดคุกสักวัน ได้เป็นรัฐบาล รวมกระทั่งไม่อุทธรณ์ ทุกเรื่องราว คิดเป็นอื่นไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการดีลทั้งสิ้น

ทีนี้ส่วนที่จะต้องเสียเพราะมีการดีเลย์เวลาออกไป โดยอ้างในบางโครงการ อ้างว่า คุณขอมารวมกระทั่งปล่อยข่าวเรื่องราวต่างๆ ทีนี้คณะผู้ดีลเขาก็มั่นใจว่า สถานการณ์นี้สามารถเอาอยู่ จึงมีการเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี 112 ของ นายทักษิณ จากเดิมวันที่ 10 เม.ย. เป็นวันที่ 29 พ.ค. ซึ่งวันนั้นจะเป็นดัชนีทางการเมืองทุกอย่าง ถ้าสั่งฟ้องก็ต้องประกันตัวกันในชั้นศาล ถ้าเบี้ยวกัน การจะได้ประกันตัวก็จะยากตามลำดับ ถ้าสั่งฟ้องไปแล้ว หรือว่าถ้าไม่สั่งฟ้องจะเป็นการขายขาดหรือวางแผนล้มกระดาน ก็มีหลากหลายแบบ

ดังนั้น ณ ขณะนี้ก็ คือ เวลามันทอดไปแต่ดีลก็ยังอยู่ เพราะว่าถ้าไม่มีดีลคั่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   ต้องกลับมาแล้ว แต่ปัญหาคือจะกลับมาในวันที่นายเศรษฐาเป็นนายกฯ หรือไม่ เพราะตามเงื่อนไขข้อตกลงเดิม นายเศรษฐาต้องไป “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” จึงจะได้กลับมา ถ้าเห็นว่ากลับง่าย ป่านนี้กลับมาแล้ว ซึ่งไม่มีเหตุผลจะกลับเดือน ต.ค.หรือกลับวันนี้ก็ไม่ต่างกัน แต่เห็นว่าสถานการณ์ยังไม่เป็นไปตามดีล ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ว่า จะง่ายขนาดนั้น ทีมดีลเขาก็ยังทำหน้าที่อยู่ ประเมินสถานการณ์กันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว

@มองสถานการณ์การเมืองต่อไปเกมจะออกมาในรูปแบบใดได้บ้าง

1.ก็คือว่าไปตามดีล นายเศรษฐาไป หนึ่งในสามแคนดิเดต พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นนายกฯ 2.ถ้าสถานการณ์พม่าแรงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็กลับมา เพราะว่าแคนดิเดตรวมไทยสร้างชาติยังอยู่ เขาไม่ได้หมดไป 3. คือเบี้ยวหรือหักกันเลย และยึดอำนาจแค่นี้ สถานการณ์ก็วนลูปเหมือนเดิม คือ ครั้งนี้ต้องแลกทุกอย่าง สิ่งที่ปรากฏอยู่นี้ มันทำลายหลายอย่าง หนึ่งกระบวนการยุติธรรมมันหนักเลย  จัด ครม.หนนี้ก็เพิ่มเข้าไปอีก ในทางการเมืองประชาธิปไตยก็พังทลายกับการตระบัดสัตย์ และเศรษฐกิจก็กำลังจะพังพินาศกับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนไฟการเมืองจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุดผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยืนขาแข็ง การชุมนุมหน้าทำเนียบของกลุ่ม คปท.แม้ว่า คนจะยังไม่มาก แต่ว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาไปทำอะไรเขา ๆก็มีภูมิต้านทานอยู่ เพราะฉะนั้นเกมขณะนี้จึงรอเวลากันทั้งนั้น

ซึ่งเดิมที่มาของรัฐบาลชุดนี้ผิดปกติ ที่สำคัญคือการไม่ติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียวมาแลก เพราะว่ามันไม่เคยมีประเทศที่ผู้ยึดอำนาจจะมาคืนอำนาจให้กับผู้ถูกยึด

@อะไรจะเป็นปัจจัยในการเปลี่ยนตัวนายกฯ

ปัจจัยคือข้อตกลงเดิม คุณจะไปอย่างไร ไปแบบดีๆ หรือไปแบบมีคดี แต่ว่า นายเศรษฐาเป็นนัมเบอร์ 2 เขาก็ต้องจัดการนายกฯ ทักษิณก่อน เพราะว่าเป็นผู้ดีลกับเขา ส่วนอะไรจะเป็นเรื่องทำให้นายเศรษฐาหลุดจากเก้าอี้นายกฯนั้น ก็เอาเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเลย หนึ่งใช้รถประจำตำแหน่งไปบ้านจันทร์ส่องหล้า เอาฎีกาเก่าๆ คดีศาลอาญาทุจริตมาดู นายกฯ อบจ.นายกฯเทศบาล นายกฯ อบต.ใช้รถผิดประเภทติดคุกสถานเดียว คำพิพากษา 100 %  สองเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับ สามเรื่องการแต่งตั้งผบ.ตร.แค่ ป.ป.ช.ชี้มูลต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ทันที นี่ไม่นับ 3 อีพี ของชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่วางเอาไว้ ไอ้นั่นจะหนักทุกตอน ซึ่งทุกเรื่องมีการร้องเรียนและเรื่องอยู่ในป.ป.ช.หมดแล้ว

คดีที่สั่งได้ทันทีคือเรื่องรถหลวง จะหยิบอันไหนขึ้นมาก็ได้ แต่ว่าจัดการนายเศรษฐาก่อนไม่มีประโยชน์ ก็ต้องจัดการกับตัวการก่อน ดังนั้นช่วงนี้ดูแววตานายกฯทักษิณ มีอะไรมั่นใจบ้าง นอกจากทำท่าแข็งแรง เพราะว่านายกฯ ทักษิณยิ่งทำแบบนี้ ทุกกระบวนการจึงรวนไปหมด เหมือนภาพโรงแรมโรสวู้ดกว่าจะแถลงว่านายกฯ ทักษิณไม่ได้อยู่ตรงนั้น ก็อีก 1 วัน เพราะรอดูอาการก่อน แม้กระทั่งการปิดว๊อยซ์ ทีวี เวลาชนะเขาก็ปิดสถานีโทรทัศน์ทุกที เมื่อก่อนมีช่องเสื้อแดงอื่นๆ รอให้ปิด จนกระทั่งเหลือว๊อยซ์ช่องสุดท้าย สุดท้ายก็ไม่รอด เขาเป็นแบบนี้ แล้วพอเห็นเพลี่ยงพล้ำค่อยมาเปิดใหม่ ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด และหากยิ่งเอาคนไปไว้ในช่อง NBT ยิ่งบ้ากันไปใหญ่

@มองคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยเวลานี้อย่างไรบ้าง

ผมคิดว่าคนเสื้อแดงที่มีสติซึ่งเป็นส่วนใหญ่ เขารับไม่ได้หรอกตั้งแต่การข้ามขั้วแล้ว เพราะฉะนั้นอธิบายให้ตายคนเสื้อแดงก็ไม่เข้าใจ แล้วคนที่อวดเก่งอยู่ปัจจุบันนี้ก็ คือ คนที่ไม่ได้เป็นแก่นแกนอะไรในการชุมนุมการต่อสู้ทั้งสิ้น คือคนที่ผ่านความเป็นความตายมาที่มีสตินะ ยกเว้นคนที่เป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทย ไอ้นั่นไม่นับ รู้สึกรู้สาอยู่ แต่ว่าต้องแสดงไปอย่างนั้น แต่คนที่อยู่ในสนามรบในการต่อสู้ทุกคนรับไม่ได้กันทั้งนั้น อธิบายมุมไหน ไม่กล้าที่จะปะทะไม่กล้าสวนกันสักคน ส่วนยิ่งหดลงไปทุกวันหรือไม่ ก็หนักแล้วเขาก็ไม่แคร์

การจัดตั้งรัฐบาลนี้ เขาไม่แคร์ และไม่ใช่การไม่แคร์ครั้งแรก ตั้งแต่เสียงปืนนัดแรก พายเรือมาส่ง จนกระทั่งจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว แล้วก็ไปประกาศตามคนเสื้อแดงกลับบ้านบอก 100 วันแรก จะสามารถฟ้องคดีโดยตรงกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ คือท้ายที่สุดก็ไปถอนกฎหมาย ไม่แคร์ เพราะฉะนั้นเขาไม่สนใจอะไร ไม่ว่าคนเสื้อแดงนั้นตาย 100 ชีวิต บาดเจ็บ 2,000 ราย สูญสิ้นอิสรภาพ ครอบครัวพินาศนับไม่ถ้วน เขาไม่เกี่ยว

@รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่

ไม่ครบ เพราะว่าความเป็นจริงนั้น คือ มันเป็นสัญญาปีศาจ คือ ให้เป็นจนกระทั่งสิ้นเดือน มี.ค. แต่ว่า ก็ยืดออกไป โดยอ้างบางโครงการ อ้างว่าคุณขอมาก็เลยเป็นเหตุให้เลื่อนคดี 112 ถอยไป 29 พ.ค. พอมาถึงจุดนี้คณะที่เขาดีลเรื่องนี้เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเต็มที่ เพราะเขาก็ละอายเหมือนกัน ก็เห็นว่า หลายอย่างมีปัญหาเหมือนกัน ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่ต้น และบางเหตุการณ์ก็ดีเลย์ออกไป ดูเหมือนว่า ลงเอยแต่ความจริงแล้วยังไม่มีอะไรลงเอยสักอย่าง

ดังนั้นการปรับ ครม.ชุดนี้จะเป็นครม.ที่อายุสั้น ยกเว้นใกล้ถึงเวลาจะเป็นการขายขาดก็ว่ากันไปอย่าง แต่ผมดูอาการว่า การยืนโดดเด่นอย่างท้าทายของผู้ว่า ฯ ธปท. มันก็คือทำคำตอบว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย เพราะว่าทั้งเรื่องดอกเบี้ย เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เขายืนกระต่ายขาเดียวไม่กลัวถูกปลด จึงต้องคิดเหมือนกันว่าเขากำลังทำอะไร แล้วข้างหลังผู้ว่าฯธปท.ต้องมหึมาขนาดไหน จึงทำให้ไม่หวั่นเกรงอะไรเลย เขาไม่สนใจ แน่จริงก็ปลด

การที่ผู้ว่าฯธปท.สวนสิ่งที่นายกฯ ต้องการทุกอย่างสถานการณ์การเมือง จึงเห็นได้ว่าไม่มีใครยกให้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะว่า คนที่เจรจาเดิมเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้อยู่ในการให้ เรื่องนี้อย่างไรก็ติดคุก มันหนีคุกไม่พ้นเพราะมีช่องว่างเต็มไปหมด.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่