เห็นข่าวรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มออกมาประชาสัมพันธ์เตรียมจัดการประชุม 21 ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปี 65

เมื่อนึกถึงการประชุมที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ ต้องยอมรับสภาพว่าไทยห่างเหินจากงานแบบนี้มาหลายปีแล้ว!

ไม่ต้องถึงงานใหญ่อย่าง “เอเปค” หรอก! แค่การมาเยือนไทยแบบปกติของผู้นำระดับโลกจากอเมริกา รัสเซีย จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ก็ไม่มีเลยนับตั้งแต่มีการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 .. 57 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หรือแม้แต่ระดับรัฐมนตรีของยุโรปและอเมริกา ถ้าผ่านมาอาเซียน มักจะข้ามหัวไทยไปเวียดนาม อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ กันมากกว่า!

พยัคฆ์น้อย” นึกถึงคำพูดของนายรัศม์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจ “ทูตนอกแถว” ได้ว่า “เทรนด์ของโลกคือการปกครองระบอบประชาธิปไตย การที่คุณตั้ง ส.. 250 คน ไว้เลือกตัวเองเป็นนายกฯ คุณคิดว่าอังกฤษและอเมริกาเขาโง่หรือ”

วกกลับมาเรื่องการประชุมเอเปค จะว่าไปแล้วเดือน ต.ค. ใช่ว่ามีแต่เหตุการณ์อาถรรพณ์ และเลวร้ายทางการเมืองสำหรับประเทศไทยไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ “14 ต.ค. 16” และ “6 ต.ค. 19”

แต่เดือน ต..ในอดีต เคยมีการประชุมครั้งสำคัญที่น่าจดจำ เพราะเป็นงานใหญ่ทำให้คนไทยมีหน้ามีตาในระดับโลก นั่นคือการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 20-21 .. 46 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

ตอนนั้นใครที่ยังเด็กมาก หรืออาจเกิดไม่ทัน! ลองไปค้นหาบรรยากาศการเตรียมงานประชุม รวมทั้งภาพผู้นำประเทศต่าง ๆ และกิจกรรมสำคัญ ในโลกออนไลน์ มีคนเอามาเผยแพร่กันเยอะแยะไปหมด

ความยิ่งใหญ่ของการประชุมเอเปคปี 46 มีปัจจัยสำคัญมาจาก “เครดิต” ของประเทศไทย ด้วยองค์ประกอบจากหลายส่วนรวมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ (รธน.) ปี 40 มีความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด

คนไทยจึงได้รัฐบาลมั่นคง ได้ผู้บริหารเข้มแข็ง (Strong Executive) เศรษฐกิจกำลังมั่งคั่ง หลังจากใช้หนี้ “ไอเอ็มเอฟ” หมดในเดือน ก.ค.46 มีแนวโน้มทะยานขึ้นเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

ปกติผู้นำชาติมหาอำนาจอเมริการัสเซียจีน ไม่เดินทางไปไหนสะเปะสะปะอยู่แล้ว! แต่การประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปี 46 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีหู จิ่นเทา มากันครบ!

ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และผู้นำสมาชิกอาเซียนมากันพร้อมหน้า นี่คือการประชุมเอเปคเมื่อปี 46

แต่การประชุมเอเปคปี 65 ยังนึกไม่ออกว่าผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่จะมากันครบหรือเปล่า? และการที่เรามี รธน.ปี 60 ซึ่งเป็นผลผลิตของการรัฐประหาร ทำให้ประเทศไทยและตัว “ผู้นำ” มี “เครดิต” เหมือนตอน รธน.ปี 40 หรือไม่?

ไหนจะองค์ประกอบอื่น ทั้งการเป็นรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค แค่ “จุรินทร์-อนุทิน-ประวิตร-ธรรมนัส” กระแอมกระไอ พล.อ.ประยุทธ์สะดุ้งแล้ว! แถมต้องลุ้นตีความว่าเป็นนายกฯ ต่อเนื่องไม่เกิน 8 ปี เริ่มนับกันตอนไหน? แต่ยังไม่ทัน “ยุบสภา” ตอนนี้มีคนเสนอตัวพร้อมเป็นนายกฯ 6 คนเข้าไปแล้ว เมื่อ รธน.เป็นแบบนี้จะได้ผู้บริหารที่เข้มแข็งหรือเปล่า?

สภาพเศรษฐกิจอีกล่ะ! ไทยยังหอมหวลน่าลงทุนอยู่หรือ? แต่ที่แน่ ๆ คือ “จีดีพี” ต่ำเตี้ย! เป็นหนี้กันเพียบ! ทั้งรัฐบาลและชาวบ้าน แถมเปิดสภาวันที่ 1 พ.ย.นี้ ยังต้องลุ้นกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ผ่านหรือไม่ผ่าน?

ส่วนปัญหาทางด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพก็ติดลบมาก เยาวชนคนรุ่นใหม่เห็นต่างจึงออกมาประท้วง แต่เจ้าหน้าที่รัฐใช้มาตรการปราบปรามรุนแรง ยิงผู้ชุมนุมจนตาบอด! แล้วคิดว่าผู้นำประเทศต่าง ๆ เขาหูหนวก ตาบอดหรือ?.

———————
พยัคฆ์น้อย