นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้จะหลบร้อนตะลอนประชุมต่างประเทศตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 (ACMECS ) ที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ต่อด้วยการเป็นประธานการประชุมเตรียมการเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน

ปิดจ๊อบภารกิจในนครลอสแอนเจลิส โดยเล่นบทกล่อม เหล่าบรรดา“บิ๊กบอส” บริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลกเพิ่มยอดลงทุนในไทย พร้อมชวน 7 บริษัทค่ายภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ ต่อยอดดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย เพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจต่างชาติมาถ่ายหนังในประเทศ ก่อนบินไปกรุงลิมา ประเทศเปรู และได้มีโอกาสได้พบปะกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในภูมิภาค

ขณะที่การเมืองในประเทศไฟลุกเหมือนบทละครตบจูบ กับบทนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำจิตวิญาณ คน “พรรคเพื่อไทย” ยกทัพหลวงขึ้นเครื่องบิน ลงพื้นที่ไปลุยช่วย “ป๊อบ” ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) อุดรธานีของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องแข่งเดือดกับ “ทนายแห้ว” คณิศร ขุริรัง จากค่ายส้ม พรรคประชาชน

ท่ามกลางมวลคนเสื้อแดงกว่า 20 จังหวัดภาคอีสาน รวมทั้ง จ.เชียงใหม่ เชียงราย มารอต้อนรับ ส่งเสียงตะโกน “เรารักทักษิณ” ดังกึกก้อง พร้อมชูป้ายข้อความ “คิดฮอดพ่อใหญ่ทักษิณ ฮักเพื่อไทย ฮักทักษิณอุดรยังฮัก”

“18 ปีที่รอคอยท่านทักษิณ ด้วยรักและคิดถึงท่านทักษิณ เราชาวอุดรฯ คิดถึงท่านทักษิณ” พร้อมมอบดอกไม้พวงมาลัย ผูกผ้าขาวม้าให้ บางคนโผเข้าสวมกอดร่ำไห้ตื้นตันใจ 

งานนี้ “นายใหญ่ทักษิญ” ได้ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกในรอบ 18 ปีที่ร้างลาเวทีมานาน แบบดุเดือดฟาดทุกดอก เริ่มกันที่การขึ้นปราศรัยที่วัดศรีนคราราม บอก” ยังไม่หายตื่นเต้นเลย มันยังใหม่อยู่ ต้องเริ่มฝึกใหม่” ทักทายมวลชนด้วยได้หยอดคำหวาน คิดฮอด พี่น้องคนอุดร หลายเด้อพร้อมตบท้ายด้วยว่า “18 ปีที่ไม่อยู่ รวยขึ้นหรือยัง เหลือควายกี่ตัว” ใครเป็นหนี้บ้าง

การขึ้นเวทีครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ละบายความในใจ ทั้งโชว์ของโปรยยาหอมให้ประชนชาคนอุดรฯใจฟูๆ ด้วยจะทำให้พี่น้องชาวอุดรฯหายจน วันนี้ “ทักษิณ”กลับมาแล้ว พร้อมบอกโปรเจกต์รัฐบาลที่ “นายกฯอิ๊งค์” เตรียมเดินหน้ารัวๆ ทั้งโครงการเงินหมื่น คนไทยต้องมีบ้านอาศัยราคาถูก และอีกหลายๆโครงการแก้หนี้

งานนี้ไม่แซะไม่เหน็บ ก็ไม่ใช่ยี่ห้อ “ทักษิณ”ของแทร่ พร้อมซัดไปที่กลุ่มปฏิวัติ ถ้าไม่ปฏิวัติตนวันนั้น ก็หายจนไปนานแล้ว อุตส่าห์ปฏิวัติตั้ง 2 รอบ นึกว่าจะแก้ปัญหาได้กลับสร้างปัญหาขึ้นมาอีก อยู่เมืองนอกมา 17 ปีเกือบตาย เพราะโดนพวกมันแกล้งมาตลอด ครั้งแรกก็โมโห ครั้งที่สองก็รู้สึกอะไรวะ วันนี้ที่เล่าให้ฟัง เพราะกฎหมายที่ออกมาเฮงซวย เพราะมันเขียนกฏหมายไป มองหน้าผมไป จะกันยังไงดีวะ จึงต้องแก้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม แต่ต้องใช้เวลา

“และเรื่องนี้เคยคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าว่า ผมก็โดนเล่นงาน 3 พรรคต้องถูกยุบ ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยหลักการ เอาบ้านเมืองให้อยู่ได้มันจะดีที่สุด ผมไม่ได้บอกว่านายธนาธร หรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางครั้งจุดที่โฆษณามันอันตราย เรื่องมาตรา 112 อย่าไปแตะ ”

นาทีนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาความสุข ความมั่งคั่งของคนไทยกลับคืนมา กลางปีหน้าไทยเห็นแสงสว่างแน่นนอน ขอเสียงอุดรฯ ชนะถล่มทลาย ไม่งั้นอาย ชี้ต้องเลิกดัดจริต บ้านเมืองเราต้องการการพัฒนาสูงมาก

วันนี้รัฐบาลทำอะไรก็เหนื่อยหน่อย เพราะนักร้องเยอะหนวกหูหน่อย นักลงทุนต่างประเทศไม่มั่นใจ แต่ผมได้ให้ความมั่นใจ กล้าบอกในฐานะสันทัดนักการเมืองมานาน การันตีว่า รัฐบาลนี้อยู่ครบเทอมแน่นอน ไม่ต้องไปสนเสียงนักร้อง พร้อมบอก “คนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา อย่าไปฟังเสียงเห่าเสียงหอน”

อย่างไรก็ตามสนามเลือกตั้งนายกอบจ.และสมาชิกอบจ. ที่จะมีการเลือกตั้งในในวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2568 ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้กัน 3 พรรคการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นสนามประลองกำลังวัดฐานเสียงเช็คพื้นที่ก่อนเดินหน้าสู้สนามเลือกตั้งใหญ่ที่เหลือเวลาอีก 2 ปี แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุการเมืองก่อนเวลาหรือไม่

แม้ “ทักษิณ” จะออกมาบอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา ระหว่างพรรคร่วม เพราะพรรคร่วมเห็นต่างกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงเวลาเขาก็คุยกันรู้เรื่องหมด

ไม่มีรอยร้าว โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นหัวหน้าพรรค

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ 6 พรรคร่วมเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนนำมาเป็นปมร้องถูกร้องว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ครอบงำนั้น จน”ทักษิณ”ออกมาพูดระบุว่า ไม่ได้ครอบงำ เพียงแต่ไปกินมาม่ากันว่าแต่ “เสี่ยหนู” ออกมาสวนชัดๆว่า ไม่ได้กินมาม่าด้วย เพราะชอบกินไวไวทุกวัน ชอบรสหมูมะนาว

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจับตากระแสความขัดแย้งระหว่าง “พรรคเพื่อไทย”กับ “พรรคภูมิใจไทย” จากกรณี “เขากระโดง” ที่มติกรรมการจากกรมที่ดินเห็นว่า ไม่เพิกถอนที่ดิน“เขากระโดง” คืนให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) เพราะ รฟท.อ้างสิทธิ์ไม่ถูกต้อง

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้ออกมาประกาศชัด ถึงกรณีที่ กรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างรฟท.และกรมที่ดิน ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญ หากเป็นที่ดินของ รฟท. แม้กระทั่งตารางวาก็จะเสียไปไม่ได้ สั่งตรวจสอบดู ซึ่งได้รับรายงานว่าวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 รฟท. ได้ยื่นขอต่อศาลปกครองกลาง แจ้งว่า อธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน ขอให้ศาลปกครองพิจารณาหรือไต่สวนกำหนดวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในการร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินของ รฟท. และให้พิจารณามีคำสั่งในประเด็นต่างๆ ต่อไป

สร้างความงุนงงให้กับประชาชนจึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา จะเป็นรอยสะดุดของรัฐบาลหรือไม่

ถึงแม้“เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง พรรคเพื่อไทยจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยเรื่องอะไร ที่ดิน “เขากระโดง” เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งศาล ปฏิบัติตามกฎหมาย และ ระเบียบของกรมที่ดินมีอยู่ ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปปกป้องผลประโยชน์ใครให้คนมาด่าสาดเสียเทเสีย ต่อให้พ้นตำแหน่งไปก็ยังโดนตราบาปไปตลอดชีวิต ที่เลขาธิการกฤษฎีกา แนะนำให้กรมที่ดิน และ รฟท. พูดคุยกันเพื่อเจรจาหาข้อยุติ ก็ตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ขออย่านำเรื่องนี้มาโยงกับ รมว.มหาดไทย หาก รฟท.ยังไม่พอใจก็ไปฟ้องศาลต่อ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว

แต่“เสี่ยหนู” ได้ทีขู่ซ้ำ ชี้ให้เห็นอนาคตของรัฐบาลเหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือ “หากดูสถิติรัฐบาลจะล้ม ก็เพราะล้มกันเองในรัฐบาล เพราะฉะนั้นคนในรัฐบาลต้องรัก ต้องสามัคคีทำงานเพื่อ ชาติและประชาชน”

ขณะที่ “บิ๊กป้อม”พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้มาก่อนกาล มองการณ์ไกลส่งสัญญาณการเมืองจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลเร็วๆ จัดทัพรอเลือกตั้งปีหน้า ตั้งศูนย์ประสานงานข้อมูลเขตจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด วางกรอบยุทธศาสตร์ในการดูแลศูนย์ข้อมูล เพื่อให้ สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.ได้มีข้อมูลเพื่อไปทำงานในพื้นที่ ส่งลงทุกพื้นที่ 400 เขต

ต้องจับตาดูว่า การขยับพลพรรคการเมือง และรัฐบาลจะประครองลากไปจนครบเทอมได้หรือไม่ หรือจะเป็นระเบิดเวลาของรัฐบาล