“มวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์” เดินทางมา 1 ปีเต็ม กับความสำเร็จเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรมในทุกโครงการ ภายใต้การนำของ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา
งบประมาณในปี 2567 ที่ มวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ประมาณ 265 ล้านบาท ได้นำมาใช้กับโครงการแผนปฏิบัติงาน 6 แผนงาน แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ คือ 1 การพัฒนาองค์ความรู้, 2 การเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของบุคคลในวงการกีฬามวย, 3 การจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างกระแสตื่นตัวและสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ, 4 การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มวยไทยทั้งในและต่างประเทศ, 5 รับรองมาตราฐานมวยไทยเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ และ 6 กำกับติดตามประเมิน และรายงานผล
ทุกโครงการ หรือแผนปฏิบัตการ จะต้องมีตัวชี้วัด มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งทุกแผนงานได้ผลการดำเนินงาน ในปี 2567 ที่น่าพอใจกับการทำงานไม่ถึง 1 ปี ตั้งแต่ การมีนักมวยไทยอาชีพ (ชาวไทย) ที่ตั้งเป้าไว้ 6,032 คน พอสิ้นปี 67 มีมากถึง 6,065 คน ส่วนนักมวยอาชีพ (ต่างชาติ) เป้า 4,520 คน บทสรุปได้ 4,540 คน รวมถึงผู้ฝึกสอนมวยไทย ที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งค่ายมวยที่ได้มาตราฐาน ทั้งในและนอก ล้วนแล้วแต่มีผลการประเมินเกินเป้าที่ตั้งไว้ทั้งหมด
อีก 1 แผนงานที่สำคัญในโครงการมวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์ คือ การจัด โรดโชว์ มวยไทย มาสเตอร์ คลาส ในต่างประเทศ พร้อมรับรองมาตราฐานค่ายมวยไทย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านกีฬา ได้มอบหมายให้ ปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ตอนนั้นดูแลด้านมวยไทยและกีฬาอาชีพ อยู่ เป็นผู้นำทีมทำงานเดินสายไปโรดโชว์ ในต่างประเทศถึง 7 ประเทศ
โดยนำนักมวยไทยชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จัดดี และอยากสัมผัสตัวจริงไปเปิดคลินิกสอนนักมวยไทยชาวต่างชาติที่สนใจได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ของกีฬามวยไทย ในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อประชาสัมพันธ์มวยไทย และเพื่อให้นักมวยไทยสมัครเล่นชาวต่างชาติ อยากต่อยอดวิชามวยไทย เพื่อมาศึกษาต่อในประเทศไทยและท่องเที่ยวในไทยไปด้วย
ความสำคัญของโครงการโรดโชว์ มวยไทย มาสเตอร์คลาส มันทำให้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ถึง 2,336 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่า การลงทุนที่ภาครัฐอนุมัติไป 265 บาท สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่า 2 พันล้านบาท ถือว่าเกินคุ้ม
โครงการ มวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์ ยังคงเดินหน้าต่อไป ในปี 2568 ความเข้มข้นของโครงการต่าง ๆ จะเพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบประมาณถึง 643,996,000 บาท ซึ่งจะใช้กับ 5 โครงการ คือ 1 การส่งเสริมและพัฒนาบุคคลในวงการกีฬามวยเพื่อรองรับการเติบโตอุตสาหกรรมมวไทย (OFOS), 2 การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งในและต่างประเทศ (ZECOSYSTEM), 3 การรับรองมาตราฐานกีฬามวยไทยในระดับสากล, 4 การพัฒนาระบบการกำกับติดตามประเมินและรายงานผล ( ZREA-TIME DASHBOARD MUAYTHAI SOFTPOWER ) และ 5 การจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ (EVENT)
ปัจจุบันนี้ “มวยไทย” เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกมากถึง 190 ประเทศ และเชื่อว่า “มวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์” จะทำให้คนทั้งโลกรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เพราะ “มวยไทย” ไม่ได้เป็นแค่กีฬาต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่มันสามารถใช้เป็น “อาวุธป้องกันตัวเอง ได้อีกด้วย