ทั้งนี้ ยุคปัจจุบันมีผู้คนมากมาย “มองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกสำคัญของครอบครัว” จนเกิดคำว่า “Pet Humanization” เพื่ออธิบายทัศนคติที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ ซึ่งเมื่อสัตว์ที่เลี้ยงเกิดการเสียชีวิต…คนเลี้ยงนั้น “ความรู้สึกเศร้าก็ย่อมจะไม่น้อย”แน่ ๆ…
“ยิ่งเป็นผู้สูงวัย” ก็ “ยิ่งน่าตระหนัก”…
ต้อง “ใส่ใจเยียวยาจิตใจผู้สูงวัยให้ดี!!”
เกี่ยวกับการดูแลเยียวยาจิตใจคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยง กรณีที่สัตว์ที่เลี้ยงเสียชีวิตลงนั้น ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มีข้อมูลมาสะท้อนต่อ เป็นข้อมูล “วิธีฮีลใจที่น่าสนใจ” โดย ทิฆัมพร สิงโตมาศ ศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และนักศึกษาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่แนะนำเรื่องนี้ไว้ผ่านบทความ “การดูแลผู้สูงอายุ เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักกลับดาว”ที่มีการเผยแพร่ไว้ทาง เว็บไซต์เดอะประชากร.คอม ซึ่งได้ระบุไว้ว่า… นอกจากการเตรียมตัวจากลาสัตว์เลี้ยงวัยชราแล้ว การ “ดูแลจิตใจผู้สูงอายุเมื่อสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตลงก็สำคัญ” เช่นกัน
ทั้งนี้ ทาง ทิฆัมพร ระบุแจกแจงไว้ว่า… แม้การสูญเสียจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ “ผู้สูงอายุ” ที่ต้อง “เผชิญความสูญเสียจากการที่สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต” กรณีนี้ “อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ” ทั้งสุขภาพกาย–สุขภาพจิต เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแยกตัวจากสังคม ทั้งในระยะสั้น ๆ หรือระยะยาว ที่สำคัญ!!… ความเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยง อาจเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดอาการเจ็บป่วยใหม่ ๆ ในผู้สูงอายุ ที่เกิดจากความวิตกกังวล ความซึมเศร้า จน…
อาจนำสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร!!
ในบทความนี้ยังอ้างอิงงานวิจัยในต่างประเทศ อย่างกรณีแคนาดา ที่มีผลศึกษาพบว่า…การสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่เป็นเสมือนสมาชิกสำคัญในครอบครัว สามารถทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุได้ โดยเฉพาะ “ผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังกับสัตว์เลี้ยง” ซึ่งหลัง “สัตว์ที่เลี้ยงเสียชีวิต”มักพบว่า… ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทางกาย สุขภาวะทางอารมณ์ และส่วนร่วมกับสังคม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 30% ให้ข้อมูลว่า…ยอมรับไม่ได้และเศร้ามากจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยง และ ยิ่งถ้าขาดการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ระดับความโศกเศร้าก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
“กลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุระบุตรงกันว่า… กรณีมีการแสดงออกของคนรองข้างในลักษณะที่มองความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นของผู้สูงอายุต่อสัตว์เลี้ยงที่เสียชีวิตเป็นเรื่องเกินจำเป็น ผู้สูงอายุที่ได้รับการแสดงออกเช่นนี้ก็มักยิ่งมีระดับความเศร้าเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกว่าสัตว์เสี้ยงแสนรักของตนนั้นถูกลดทอนคุณค่า”…นี่ชี้ให้เห็น “ประเด็นอ่อนไหว” นี้

แล้วจะมี “วิธีฮีลใจผู้สูงอายุที่สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต” อย่างไร?…ประเด็นนี้ ทิฆัมพร สิงโตมาศ ได้นำเสนอแนวทางของ Melanie Donohue นักสังคมสงเคราะห์ทางคลินิก ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ ที่แนะนำไว้ว่า… การจัดการความโศกเศร้าของผู้สูงอายุที่สูญเสียสัตว์เลี้ยง ต้องเข้าใจบทบาทสัตว์เลี้ยงในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ก่อน เนื่องจากใน “มุมผู้สูงอายุ” การเลี้ยงสัตว์ถือเป็นกระบวนการ สร้างความหมาย และสร้างจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ ของผู้สูงอายุ ที่ครั้งหนึ่งอาจสูญเสียเป้าหมายชีวิตไปแล้ว หลังเข้าวัยเกษียณ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ…ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการสูญเสีย…
ต้องช่วยผู้สูงอายุรับมือความเศร้าได้
สำหรับ “แนวทางฮีลใจผู้สูงอายุ” หรือ “การช่วยหลังสัตว์ที่เลี้ยงเสียชีวิต” โดยเฉพาะผู้ที่เกิดอาการเศร้ารุนแรงจนแสดงออกผ่านกิจกรรมทางกายและสุขภาวะทางอารมณ์ ที่ยิ่ง “ไม่ควรมองข้าม” นั้น สามารถช่วยได้ผ่านคำแนะนำดังนี้คือ…
“สื่อสารอย่างเหมาะสมกับผู้เลี้ยง”นี่เป็นกระบวนการที่ ต้องทำช่วงก่อนที่สัตว์เลี้ยงจะเสียชีวิต ด้วยการอธิบายให้ผู้เลี้ยงเข้าใจถึงสถานการณ์ความเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยง หรือช่วยวางแผนรักษาสัตว์ระยะท้ายให้ผู้เลี้ยงอย่างเหมาะสม
“รับฟังความรู้สึกหลังการสูญเสีย”การดูแลจิตใจด้วยการรับฟัง เมื่อต้องเผชิญความเศร้าหลังการสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักนั้น เป็นอีก วิธีการที่สำคัญ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ที่บางคนนั้นอาจแค่ต้องการใครสักคนรับฟัง หรือทำให้รู้สึกว่าความตายของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่สามาถพูดออกมาได้ ซึ่งการรับฟังก็เป็นการช่วยให้ผู้สูงอายุได้ระบายความเศร้าอีกวิธีหนึ่ง
“ให้ความช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน” ความเศร้านั้นอาจทำให้กิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องยากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีข้อจำกัดสุขภาพอยู่แล้ว การช่วยทำธุระ หรือช่วยงานบ้านเล็กน้อย จึงเป็นการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุกลับมามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
“แนะนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่” เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โดยการมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุที่ยังเลี้ยงสัตว์ได้กลับมามีเป้าหมายชีวิตอีกครั้ง และอีกแนวทางคือ “แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญ”กรณีที่โศกเศร้ายาวนาน และจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเป็นรูปแบบกลุ่มสนับสนุนด้านจิตใจ หรือไปพบนักบำบัด เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น …เหล่านี้เป็นวิธี “ฮีลใจผู้สูงอายุเพื่อช่วยให้สุขภาพไม่ทรุดจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรัก”ที่ก็ต้องตระหนัก…
ยิ่งกรณี “ผู้สูงวัยอยู่ลำพังกับสัตว์เลี้ยง”
กรณีนี้ “ยิ่งต้องไม่มองข้ามการใส่ใจ”
จำเป็น “ต้องฮีลใจผู้สูงวัยที่สูญเสีย”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์