องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ซึ่งเป็นแกนหลักของการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ กระตุ้นความพยายามในหลายด้าน เพื่อระบุว่า ภัยคุกคามครั้งถัดไปจะมาจากที่ไหน และเพื่อทำให้แน่ใจว่า โลกพร้อมที่จะเผชิญกับมัน ซึ่งหน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) พิจารณาว่า โลกมีความพร้อมมากกว่าช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดครั้งแรก แต่เตือนว่าความพร้อมนั้น “ยังไม่เพียงพอ”

เมื่อไม่นานนี้ นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ ถูกถามว่า โลกเตรียมพร้อมมากขึ้นสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปหรือไม่ เขาตอบว่า ใช่ และไม่ใช่

“หากการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปเกิดขึ้นในวันนี้ โลกจะยังคงเผชิญกับจุดอ่อนและความเสี่ยงบางประการเช่นเดิม แต่ในขณะเดียวกัน โลกก็ได้รับบทเรียนอันแสนเจ็บปวดหลายอย่างจากการระบาดใหญ่ และดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อเสริมสร้างการป้องกัน” นพ.เทดรอส กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน พญ.มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ ผู้อำนวยการฝ่ายการเตรียมพร้อมและการป้องกันโรคระบาด ของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า เธอยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า โลกเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า โลกจะเผชิญกับการระบาดใหญ่อีกครั้งเมื่อไหร่

“มันมีหลายสิ่งที่ดีขึ้น เพราะการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอช1 เอ็น1 เมื่อปี 2552 และโรคโควิด-19 แต่ฉันคิดว่า โลกยังไม่พร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้ออีกครั้ง” พญ.มาเรีย กล่าวเสริม

ขณะที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (ไอพีพีพีอาร์) ซึ่งจัดตั้งโดยดับเบิลยูเอชโอ ประเมินแนวโน้มอย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่า ในปี 2568 โลกยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับการระบาดใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากความไม่เท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง ในการเข้าถึงเงินทุนและเครื่องมือที่ใช้ต่อสู้กับโรคระบาด เช่น วัคซีน

หลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ดับเบิลยูเอชโอได้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ” (พีเอชอีไอซี) ซึ่งเป็นการเตือนภัยระดับสูงสุด ภายใต้กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (ไอเอชอาร์) เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563

อย่างไรก็ตาม ประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ จนกระทั่งนพ.เทดรอส อธิบายว่าการแพร่ระบาดดังกล่าว ถือเป็นการระบาดใหญ่ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ในปีเดียวกัน ส่งผลให้ไอเอชอาร์ ได้รับการแก้ไขเมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว โดยเพิ่มการเตือนภัย “ภาวะฉุกเฉินจากการระบาดใหญ่” ในระดับใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งกำหนดให้ประเทศต่าง ๆ ต้องดำเนินการประสานงานกันอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้สันทัดกรณีระดับโลก กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อระบุว่า ภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป จะมาจากที่ไหน ซึ่งนายทอม พีค็อก นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5 เอ็น1 “อย่างจริงจัง”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP