@ทั้งเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก ที่เป็นเรื่อง”การเมือง” ทั้งเรื่องใหม่ เรื่องเก่า ที่”ถาโถม” เข้ามาใส่”รัฐบาล” เพื่อให้”แพททองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี”มือใหม่หัดขับ” ต้อง”ปวดขมับ”และ”เสียศูนย์”กับการ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างเรื่องของที่ดิน”อัลไพน์” ที่เป็น”มหากาพย์” ตั้งแต่ครั้งที่”เสนาะ เทียนทอง” อดีต”นักการเมืองลายคราม” เป็น”รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย”เป็นคนแรกที่เข้ามา”เกี่ยวข้อง” กับที่ดินของ”ยายเนื่อม” ที่ถวายให้กับวัด และเป็น”ธรณีสงฆ์” ที่ถูกนำมาขายให้กับ”นายทุน” และ”ตระกูลชินวัตร” มาซื้อต่อจาก”นายทุน” เป็น”มือที่สอง” วันนี้ที่ดินของ”ยายเนื่อม” ที่”ถวายให้วัด” กลายเป็น”หมู่บ้านหรู” และ”สนามกอล์ฟ” และเรื่องของที่ดิน”อัลไพน์” ก็มีผู้ที่ได้”รับโทษ” ถูก”ศาลพิพากษา” ให้”ติดคุก”ไปแล้ว นั่นคือ” ยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์” อดีต “รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย” และอดีต”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”……ที่สำคัญ วันนี้ “กรมที่ดิน” ได้ทำการ”เพิกถอน” โฉนดของที่ดินที่เป็นของ”อัลไพน์” ทั้งหมด ให้ทุกคนที่เป็นเจ้าของ”โฉนดที่ดิน” นำไปคืนให้กับ”กรมที่ดิน” ซึ่งหลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น กับ”เจ้าของบ้าน” ที่ไม่ใช่ผู้มีส่วนในการ”ทำความผิด” จะได้รับการ”เยียวยา” อย่างไร และค่าเสียหาย 7,700 ล้านบาท ใครเป็นผู้รับผิดชอบ สถาบันการเงินที่เป็น”เจ้าหนี้” จะ”ไล่เบี้ย” กับใคร ก็หวังว่าสุดท้าย “รัฐบาล” ต้องไม่เอาเงิน”ภาษี”ของ”ประชาชน” ไป”เยียวยา” ผู้ที่ได้รับความ”เสียหาย”ที่เกิดขึ้น,,,, ส่วน”ตระกูลชินวัตร” ก็คงจะ”ลอยตัว”ไม่ต้อง”รับผิดชอบ” ตาม”กฎหมาย” เพราะเป็นผู้เข้าไป”ซื้อ” เป็น”บุคคลที่สอง ซึ่งตาม”กฎหมาย” คง”สาวไปไม่ถึง” ว่าเป็นผู้มีส่วนในการ”ทำผิด” ในการซื้อ”ธรณีสงฆ์” แต่ในทาง”การเมือง” นั้น”ตระกูลชินวัตร” ก็คงเป็น”เป้าหมาย” ให้”ศัตรู” ทาง”การเมือง”นำมาเป็นประเด็นในการ”โจมตี” เพราะในยุคที่มีการ”ซื้อ-ขาย” ที่ดินที่เป็น”ธรณีสงฆ์” ในครั้งนี้” ทักษิณ ชินวัตร” กับ”เสนาะ เทียนทอง” คือ”พันธมิตร” ทาง”การเมือง” ที่”แนบแน่น” ดังนั้น”ศัตรูทางการเมือง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” จึงมีการ”ผูกโยง” เรื่องที่ดิน”อัลไพน์” ที่เป็นที่ดิน”ธรณีสงฆ์” ให้เป็นเรื่องที่”ทักษิณ ชินวัตร” และ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ต้องมีส่วนในการถูกลากลงมายัง”ปลักน้ำครำ” ที่มาจากที่ดิน” อัลไพน์”ในครั้งนี้……
@อีกเรื่องที่”ฝุ่นยังตลบ” คือเรื่องความ”เห็นต่าง” ในเรื่องของ นโยบาย”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” ที่มี”บ่อนกาสิโน” เป็น”ส่วนประกอบ” แม้ว่า”ฝ่ายการเมือง” จะ”พยายาม” ในการ”สื่อสาร” ว่า “บ่อนการพนัน” หรือ”กาสิโน” เป็นการลงทุนเพียง 10 เปอร์เซ็น” ใน”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” ในแต่ละแห่ง ที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรคำว่า”บ่อนการพนัน” ก็คือ”อบายมุข” ที่ต้อง ที่ไม่ใช่”ของดี” เพียงแต่มีการนำเอา”ของที่ไม่ดี” คือ”บ่อนการพนัน” ที่”ผิดกฎหมาย” มา”ทำให้”ถูกต้องตามกฎหมาย” เพื่อให้คนที่ต้องการ”เล่นการพนัน” ไม่ถูก”จับกุม” ดังนั้นแม้ว่า”ครม.” จะมี”มติเห็นชอบ” ใน”หลักการ” แล้ว แต่ “รัฐบาล” ที่ดียังต้องฟังเสียงของ”ประชาชน” ที่ ออกมา”คัดค้าน” ซึ่งกลุ่ม”ประชาชน” ที่ออกมา”คัดค้าน” ก็มี”เหตุมีผล” ที่”รับฟังได้”……ที่ต้องตั้งเป็นข้อ”สังเกต” คือการกลับมาเป็น”รัฐบาล” ครั้งนี้ของ”พรรคเพื่อไทย” โครงการต่างๆ ที่ใช้ในการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ” ของ”ประเทศไทย” ล้วนเป็นเรื่อง”การพนัน” และ”อบายมุข” ตั้งแต่เรื่องของ”หวยออนไลน์,หวยเกษียณ” จนมาถึง”บ่อนเสรี” ในขณะที่การ”ปราบปรามป้องกัน” อบายมุข ที่ “เกลื่อนกลาด” ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็น หวยเถื่อน.บ่อนการพนัน, หวยออนไลน์” ยังคง”ล้มเหลว” การเกิดขึ้นของ”บ่อนเสรี” จึงเป็นเพียงการ”เพิ่มขึ้น” ของ”บ่อนการพนัน” ที่ถูกต้อง”ตามกฎหมาย” เพื่อเป็น”ทางเลือก” ให้กับ”นักการพนัน” อีก”ชนชั้น” หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ทำให้”บ่อนเถื่อน” หายไปจากประเทศไทย และ อาจจะไม่ได้ทำให้”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” เติบโต และส่งผลให้”ประชาชน” ได้รับ”อานิสงส์” จากการที่มี”อินเตอร์เท็นเมนท์คอมเพล็ก” และ”กาสิโนเสรี” เพราะ หลายๆประเทศที่มี”กาสิโน” หรือ”บ่อนการพนัน” ที่ถูกต้องตาม”กฎหมาย” ไม่ว่าจะเป็น”มาเลเซีย” ที่มี”เก็นติ้งไอร์แลนด์” หรือ”ประเทศกำพูชา” ที่มี”กาสิโน” มากมาย และอีกหลายประเทศที่มี”กาสิโน” ก็ไม่เห็นว่า”กลุ่มคนรากหญ้า” จะมี”คุณภาพชีวิต” ที่ดีขึ้น หรือได้รับ”ส่วนแบ่ง” จากการที่”ประเทศ” มี”กาสิโน” หรือ”บ่อนการพนันเสรี”……
@สุดท้ายแล้ว “กลุ่มคนที่ร่ำรวย” คือ”กลุ่มทุน” และกลุ่ม”การเมือง” รวมทั้ง สุดท้าย”เป็นแหล่งฟอกเงิน” ของ”กลุ่มสีเทา” ที่เข้ามาทำ”ธุรกิจ” ใน”ประเทศไทย” จน”เต็มบ้านเต็มเมือง” อย่างในขณะนี้ เชื่อเถอะ “ประเทศอื่น” เขาอาจจะ”ควบคุม” ให้ทุกอย่างเป็นไปตาม”กฎหมาย” แต่นั้นคือ”ประเทศอื่น” แต่สำหรับ”ประเทศไทย” ทั้ง “กลุ่มทุน,กลุ่มการเมือง”มี”วิธีการ” ที่จะ”หลบหลีก” และใช้”ช่องว่าง”ของ”กฎหมาย” เพื่อ”แสวงหาประโยชน์”ให้กับ”กลุ่มทุน”ที่ร่วมมืออย่าง”เหนี่ยวแน่น”กับ”กลุ่มการเมือง” นี่คือสิ่งที่”คนไทย” เป็นกังวล” และไม่”ไว้ใจ” กับการเกิดขึ้นของ”บ่อนเสรี” หรือ”กาสิโน” ที่ถูกต้องตาม”กฎหมาย” ……และที่น่า”กังวล” คือการที่”ประเทศไทย” จะมี”บ่อนเสรี” ในทุกภาคของประเทศ ทั้ง”กรุงเทพ” ภาคเหนือ ภาคใต้” และ “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ถ้าเป็นไปอย่างนั้นจริง “ประเทศไทย” คงจะเต็มไปด้วย”บ่อนการพนัน” และจะเต็มไปด้วย”นักการพนัน” ซึ่งเป็น”นักเสี่ยงโชค” ที่ไม่ทำอาชีพอื่น”นอกจากการเป็น”ผีการพนัน” ส่วนที่”พรรคการเมืองบางพรรค” และ”กลุ่มประชาชน” ต้องการให้มีการทำ”ประชามติ” คงไม่มีทางเป็นไปได้เพราะฟังเสียงของ”พรรคเพื่อไทย” อย่าง”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ “เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” ที่พูด”เข้าข้างตนเอง” ว่า” สส.ใน “ครม.” ก็คือ”ตัวแทน”ของ”ประชาชน”ที่”เห็นด้วย” และรับ”หลักการ” ของการมี”บ่อนการพนันเสรี” แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำ”ประชามติ”……
@จากเรื่องของ”บ่อนเสรี” มาสู่ปัญหายาเสพติด” ที่”หลายวันก่อน”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี ได้”แถลงข่าว” ว่าจะทำการ”ปราบปรามยาเสพติด” ให้ได้ภายใน 6 เดือน นี่ก็ผ่านไปแล้ว 1 เดือน ยังไม่เห็นการ”ขับเคลื่อน”ของการ”ปราบปราม” ที่เป็น”รูปธรรม” หันซ้าย หันขวา ยังไม่เห็นว่าหน่วยงานไหนจะเป็น” เจ้าภาพ”โดยเฉพาะใน”ภูมิภาค” ที่เป็น”ต้นทาง” ของการ”นำเข้า”ยาเสพติดจาก”ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน” ไม่ว่าจะเป็น”เมียนมา” เป็น” สสป.ลาว” และ”กัมพูชา” ชายแดนด้านนี้ยัง”เปิดโล่ง” แบบ”อ้าซ่า”ไม่มีการ”สแกน” และ”ซีล” แนวชายแดน อย่างแท้จริง “เส้นทาง” ในการ”ลำเลียงยาเสพติด” และ”เส้นทาง” ในการ”ในการ”ค้ามนุษย์” คืน”เส้นทาง” เดียวกัน ถ้ายังไม่มีการ”ซีลแนวชายแดน” อย่าง”เข้มงวด” ก็อย่างหวังว่าจะ”ปราบปรามป้องกัน” ยาเสพติดที่”ทะลัก” เข้ามา”เต็มทั้งประเทศ เมื่อ”ยาเสพติด” ถูก”ลำเลียง” เข้ามาในประเทศ”ยิ่งยาก” ในการ”ปราบปราม” เพราะ”ยาเสพติด” ถูก”กระจาย”ไปทั่วทุกภาค ทุก”พื้นที่” เพราะมี”ผู้เสพ” ที่มีแต่”เพิ่มขึ้น” ไม่มี”ลดลง” และ”ส่วนหนึ่ง” ของ”ยาเสพติด” โดยเฉพาะ”ยาไอซ์” กว่า 50 % ที่ถูกนำมาจาก”ประเทศเพื่อนบ้าน” ถูกส่งมายัง” จังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อส่งไปยัง”ประเทศมาเลเซีย” เพื่อไปยัง”ประเทศที่สาม” จนพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”แหล่งระบาด”ของ”ยาเสพติด” และคนติดยาเสพติด”เพิ่มขึ้น” อย่าง”รวดเร็ว” เพราะความ”ล้มเหลว” ของการ”ปรามปราม”และ”ป้องกัน” เรื่องนี้”ภูมิธรรม” เวชยชัย”” รองนายกรัฐมนตรีจะ”พูดเอามัน” อย่างเดียวไม่ได้ จะต้อง”ทำจริง” มี”แผนงาน” และมี”เจ้าภาพ” ไม่ใช่”ต่างคนต่างทำ” เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่”ดีแต่พูด” แต่”ทำไม่ได้” และถ้า”ทำไม่ได้” ใน”อนาคต” ของ”ประเทศไทย” จะเต็มไปด้วย”คนติดยา” และ”นักการพนัน” ถามว่า”ประเทศไทยจะเป็น”ฮับอะไร”……
@ถามว่า วันนี้”แรงงานในวัยทำงาน”ของ”ประเทศไทย” หายไปไหน ถ้ายากรู้ก็ไปดูได้ หรือถามข้อเท็จจริงจาก” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมดูได้ เพราะ”พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ลงพื้นที่เพื่อตรวจ”เรือนจำ” ในทุกจังหวัด สิ่งที่พบเห็นใน”เรือนจำ”คือ”คนในวัยทำงาน ตั้งแต่อายุ 18 ปี ถึง 25 ปี ต่าง”แออัดยัดเยียด” ใน”เรือนจำ” ใน”ข้อหาความผิด” พรบ.ยาเสพติด ไม่ใช่”ผู้เสพ” ก็เป็น”ผู้ค้า” ที่ สำคัญในบางเรือนจำ “นักโทษหญิง” จำนวน 100 คน เป็นผู้ต้องโทษในคดี”ยาเสพติด 80 คน นี่คือ ปัญหาของ”สังคมไทย”ที่คนในวัย”ทำงาน” ต่างอยู่ใน”เรือนจำ” ที่เป็นที่รู้กัน แต่ในการแก้ปัญหายังไม่เห็น”แสงสว่าง”แม้แต่น้อย…..
@เรื่องของ” อุยกูร์” จำนวน 48 คน ที่ถูก “ควบคุมตัว” ใน”ข้อหา”หลบหนีเข้าเมือง”กว่า 10 ปี กำลังเป็น”ปัญหาใหญ่”ของ”ประเทศไทย” ที่กลายเป็น”เกมต่อรอง” ของ”ประเทศมาหาอำนาจอย่าง”สาธารณรัฐประชาชนจีน” และ”สหรัฐอเมริกา” ที่ถูกนำมาเป็นเรื่อง”การเมือง” ระหว่างประเทศ รู้ไหมว่าวันนี้ไม่ว่า”หน่วยงานไหน” ที่ไป”เจรจา”กับ”รัฐบาลจีน” ทั้งในเรื่อง”การค้า” เรื่อง”ยาเสพติด” เรื่อง”จีนเทา” ในแก็งค์คอลเซ็นเตอร์” สิ่งที่” รัฐบาลจีน” นำมา”ต่อรอง” คือเรื่องการ”ส่งตัว” ชาว” อุยกูร์” ให้กับ”ประเทศจีน ถ้า”ประเทศไทย” ยังไม่ยอมส่ง” อุยกูร์” ทั้งหมด ให้”จีน” การ”เจรจา” ทุกอย่าง” มี”ปัญหา”และ”อุปสรรค” อย่างล่าสุด ก่อนที่”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป”เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน” มีการ”เตรียมการ” ที่จะส่ง”อุยกูร์”ให้กับ”สาธารณรัฐประชาชนจีน” ตามคำเรียกร้อง มีการ”ย้าย” ชาว”อุยกูร์” จากที่”คุมขัง” ที่ “ตม.สวนพูล” มายัง”โรงเรียนพลตำรวจบางเขน” เพื่อง่ายในการ”ส่งตัว” ให้กับ”จีน” เพื่อให้การ”เจรจาความเมือง” ระหว่าง” แพทองธาร ชินวัตร” กับ” สี จิ้นผิง” ผู้นำ”ประเทศจีน มีความราบรื่น แต่หลังจากที่”สมาคมอุยกูร์โลก” และ”องค์กรสิทธิมนุษย์ชน” ออกมา”เคลื่อนไหว”เพื่อ”คัดค้าน” การส่งตัวของ”อุยกูร์” ให้กับ”ประเทศจีน” และ” มหาอำนาจ” อย่าง”สหรัฐอเมริกา” ออกมา”คัดค้าน” และ”ขู่ฟ่อๆ” ว่าถ้า”รัฐบาล”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ส่ง”อุยกูร์” ให้กับ”จีน” จะ”กระทบกระเทือน”ถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง”สหรัฐอเมริกา” กับ”ประเทศไทย” วันนี้เรื่องของ”อุยกูร์” กลายเป็นเรื่องที่”รัฐบาลไทย” อยู่ในอาการ” กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” จะส่ง”อุยกูร์” ให้กับ”ประเทศจีน” ก็กลัว”สหรัฐอเมริกา” ส่วนจะส่ง”อุยกูร์” ทั้งหมด 48 คน ไปยัง”ประเทศที่สาม” ตามที่”ชาวอุยกูร์” แจ้งความประสงค์ก็กลัวจะ”กระทบ” กับความ”สัมพันธ์” ระหว่าง”รัฐบาลจีน” กับ”รัฐบาลไทย” และ หากไม่มีการ”ดำเนินการ” ใดๆ กับเรื่องของ”อุยกูร์” ก็จะกลายเป็น”เงื่อนไข”ที่สร้างความ”ไม่พอใจ” กับ”รัฐบาลจีน” นี่คือ”กับดัก” ที่ทำให้ความ”สัมพันธ์” ระหว่าง” มหาอำนาจจีน” กับ” รัฐบาลไทย” มีความ”ร้าวลึก” ซึ่งก็ต้องติดตามว่า” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะตอบเรื่องนี้กับ” สี จิ้นผิง” ผู้นำ”หมายเลข 1 “ ของ” รัฐบาลจีน” อย่างไร ในการเดินทางไปเยือน”สาธารณรัฐประชนจีน” ในระหว่าง วันที่ 4- 5 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้…….
@นั้นคือเรื่อง”การเมือง” ที่น่าเป็นห่วง สำหรับ”รัฐบาลเพื่อไทย”ที่ยังเต็มไปด้วย”กับดัก” ส่วนเรื่องของ”เศรษฐกิจ” มองไปด้านไหนก็ยัง”มืดมน” เพราะ”กับดัก” ที่สำคัญคือเรื่อง”หนี้สาธารณะ” ที่กลายเป็น”ดินพอกหางหมู” จากการ” กู้ กู้ กู้” ของ”รัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีต”นายกรัฐมนตรี” และมีการ”กู้ กู้” เพิ่มเติม จาก”รัฐบาล” ปัจจุบัน ที่ส่วนหนึ่ง”กู้” เพื่อมา”แจก” ประชาชน” ตามนโยบาย”ประชานิยม” แม้แต่การ”แจกเงิน 10,000บาท” ทั้ง”เฟส 1 และเฟส 2 “ ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจาก”งบประมาณ” แต่ส่วนหนึ่งเป็น”เงินกู้” ในขณะที่”หนี้สินครัวเรือน”ที่เป็น”หนี้ของประชาชน” ก็”เต็มพิกัด” จน ฉุดให้”สภาพคล่อง” ทาง”การเงิน” การ”จับจ่ายใช้สอย” หายไป เมื่อ”สองส่วน” มา”ผนวกกัน”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” จึงมองไม่เห็น”ทางออก” และนี้”กระมัง” ที่”ทักษิณ ชินวัตร” ต้องเร่ง”ผลักดัน” นโยบาย” บ่อนเสรี” ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะไม่มี”ทางออก” ในการ”ฟื้นเศรษฐกิจ” ของ”ประเทศ” แล้ว นั้นเอง และที่”รัฐบาลเพื่อไทย” ต้องเตรียมแผนในการ”ตั้งรับ” ให้ดี นั้นคือการที่”ประธานาธิบดี” คนใหม่ของ”สหรัฐอเมริกา” คือ” โดนัล ทรัมป์” เข้ามาบริหารประเทศสหรัฐอเมริกา แค่ วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ก็ทำให้”โลกสะท้านหวั่นไหว” กับ”นโยบายเศรษฐกิจ” ของ”ทรัมป์” เรื่องนี้” รัฐบาล” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” จะ”รับมือ” อย่างไร ยังไม่เห็น” หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ” ออกมา”แถลง” เรื่องนี้อย่างเป็น” กิจจะลักษณะ” เพื่อให้” คนไทย” ได้รับรู้ ซึ่งดีกว่านั่งรอ”ชะตากรรม” ที่จะเกิดขึ้น……
@อีกเรื่องที่น่า”เป็นห่วง” หลังจากมีข่าวของ”ดาราจีน”ที่ชื่อ”หวังชิง “หรือ”ชิงชิง” ถูก”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” จาก”เมืองเมียวดี” ประเทศเมียนมา” ลวงไป”กักขัง” แม้”ตำรวจไทย” จะ”นำตัว”ของ”หวังชิง” กลับมาได้ แต่เรื่องของ”หวังชิง” ก็ทำให้เป็นการ”ทำลายการท่องเที่ยว”ของ”ประเทศไทย” ที่อย่าว่าแต่”นักท่องเที่ยวชาวจีน” จะ”หวาดกลัว” ยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทย แม้แต่ “ชาวมาเลเซีย และ สิงคโปร์” ซึ่งเป็น”นักท่องเที่ยว” ขาประจำ ของ” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ”ภาคใต้” ยัง”หวาดกลัว ไม่มั่นใจ ที่จะเดินทางมา”ประเทศไทย” เรื่องนี้” กระทรวงการท่องเที่ยว” ต้องเร่งแก้”ภาพลักษณ์” เพื่อให้”นักท่องเที่ยว” มั่นใจ…..
@เรื่องของ”ไฟใต้” ที่ย่างเข้าสู้ปีที่ 22 ของความ”สูญเสีย” ทั้ง”ชีวิต”ของ”ทหาร ตำรวจ พลเรือน” และ”ประชาชน” และ”สูญเสีย” เงิน”งบประมาณ”ไปแล้ว 5 แสนกว่าล้านบาท ที่สำคัญคือการ”สูญเสียโอกาส” ของการ”พัฒนาเศรษฐกิจสังคม”ของคนใน”ภูมิภาค” นี้ วันนี้การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังไม่เห็น”ทางออก” ที่ สุดท้าย” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ”เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” สั่งให้”สภาความมั่นคง” หรือ” สมช.” เขียน”ยุทธศาสตร์” ในการ”ดับไฟใต้” ใหม่โดยเร็ว เพราะถ้า”ยุทธศาสตร์” ที่ กำหนดโดย “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” เป็นสิ่งที่”ถูกต้อง” สอดคล้องกับ”สถานการณ์” การดับ”ไฟใต้” ต้องเห็น”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” บ้างแล้ว เรื่องการ”กำหนดยุทธศาสตร์” ในการ”ดับไฟใต้” ของ” สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ที่จะมีการ”กำหนด” ขึ้นมาใหม่ เป็นหน้าที่ของ”ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ( สมช.) ว่าจะเป็นแบบไหน เรื่องนี้ ทุกภาคส่วน ต้อง”ติดตาม” อย่าปล่อยให้” สภาความมั่นคงแห่งชาติ” เป็นผู้”รับผิดชอบ” เพียงฝ่ายเดียว เพราะ วันนี้”ต้นทุนทางสังคม” ของ”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” อยู่ในสภาพของการ”ลดน้อยถอยลง” ที่ผ่านมา”ยุทธศาสตร์ความมั่นคง” ของ”สมช. ที่ใช้ในการ”ดับไฟใต้” หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ไม่มี”หน่วยไหนเห็นชอบ” เพียงแต่ถูก” เคลม” จาก” สมช. ว่าทุกฝ่าย”เห็นด้วย” ดังนั้นการ”กำหนดยุทธศาสตร์” ในการ”ดับไฟใต้” ที่จะ”เขียนขึ้นใหม่” ควรให้”หน่วยงาน”ความมั่นคง” ในพื้นที่” ตำรวจ,ทหาร” และ” ศอ.บต.” รวมทั้ง”องค์กร”ต่างๆ ต้องมี”ส่วนร่วม” จะเขียนแบบ”หยาบๆ” ในเวลาสั้นๆ คงไม่ได้ ……
@ส่วนเรื่อง”ความรุนแรง” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ยังคงเพิ่มความ”รุนแรง”มากขึ้น มีการ”สังหาร” ครู ตชด. สอง พ่อลูก” ที่ทำหน้าที่เป็น”ประทีปส่องทาง” ให้กับ” เยาวชน” ในพื้นที่ ของ “จังหวัดนราธิวาส” มีการใช้”อาวุธยาว” อย่าง”เครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่ “ สภ.กระพ้อ จ.ปัตตานี” และการ”วางระบิดแสวงเครื่อง” ในหลายพื้นที่ ซึ่ง” พล.ท.. ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่าเป็นการ”แสดงตัวตน” ของ” ขบวนการบีอาร์เอ็น” เพื่อให้เห็นการเป็น”ขบวนการ” ที่”ชัดเจน” และนี่ก็เป็น”เกม” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่สามารถทำให้” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้องมีการ”ยกระดับความรุนแรง” และมีการ”ปรับแผน” ในการ”ป้องกันเหตุ” ที่เกิดขึ้นกับ” เจ้าหน้าที่” ซึ่งเป็น”เป้าหมาย”ของ” กองกำลังติดอาวุธ” ที่”เคลื่อนไหว” อยู่ในพื้นที่…..โดยเฉพาะการ”สังหารโหด” พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธ์ และ ด.ต.โอม ช่วยเทวฤทธิ์ สองพ่อลูก ที่เป็น ครูตชด. ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิว่า ด้วย”ระเบิดแสวงเครื่อง” และ ยิงซ้ำ” พร้อมทั้ง” นำเอา อาวุธปืนประจำตัวไปด้วย 2 กระบอก เป็นการ”ประกาศให้รู้ว่า” บีอาร์เอ็น” ไม่สนใจถึงความรู้สึกของ”ประชาชน” ที่นับถือ”ศาสนาอิสลาม” ในพื้นที่ ว่ามีความ” เห็นด้วย” หรือ”ไม่เห็นด้วย” อย่างไร กับการ”ปลิดชีพ” ครู ตชด. ทั้งสองพ่อลูก ที่เป็น”ที่รักใคร่” ของคนในพื้นที่ โดย”บีอาร์เอ็น” ให้เหตุผลเพียงว่า”ครู ตชด.” ทั้ง” สองพ่อลูก” เป็น” พลรบ” ของประเทศสยาม” จึงจำเป็นที่ต้อง”สูญเสีย” ถ้าเป็นอย่างที่” บีอาร์เอ็น” ประกาศ หมายความว่า ณ วันนี้”ชีวิต”ของ”ครู ตชด.” ที่ทำหน้าที่” แม่พิมพ์” เพื่อ”เยาวชน” ในพื้นที่ ย่อมอยู่ใน”อันตราย” เรื่องนี้ หน่วยงาน”ความมั่นคง” ต้องมีการ”ป้องกัน” อย่าให้”ครู ตชด.” ที่ยังทำหน้าที่ในพื้นที่ของ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ต้องการ”เป็นเหยื่อ” ของ”สถานการณ์” เช่นเดียวกับ” สองพ่อลูก” ของตระกูล”ช่วยเทวฤทธ์”……
@ในส่วนของ”ประชาชน” ในพื้นที่ซึ่งเป็น”มุสลิม” ก็ควรจะ หยุดการ”สนับสนุน” ขบวนการ”บีอาร์เอ็น” ในการ”แบ่งแยกดินแดน” เพราะเป็นเรื่องที่”เป็นไปไม่ได้” และวันนี้คนในพื้นที่ไม่ได้ถูก”กดขี่ข่มเหง” จาก” เจ้าหน้าที่รัฐ” ไม่ได้ถูก”ละเมิดสิทธิเสรีภาพ” ทั้งในเรื่องของการนับถือ”ศาสนา” และการ”ดำเนินชีวิต”ตามที่”บีอาร์เอ็น” ปลุกระดมแต่อย่างใด สิ่งที่”บีอาร์เอ็น” ปฏิบัติการเช่นการ”ปลิดชีพ” ผู้”บริสุทธิ์ “ การวางระเบิด” เสาไฟฟ้า เสาโทรศัพท์ “ การวางระเบิด”กล้องวงจรปิด” และ อื่นๆ เป็นการสร้างความ”เดือดร้อน” ให้กับ”ประชาชน” ทั้งสิ้น เลิกการ”สนับสนุนบีอาร์เอ็น” เลิกเห็นด้วยกับการ”แบ่งแยกดินแดน” เพื่อทุกคนจะได้ใช้”ชีวิตด้วยความสงบสุข”……ส่วนการ”ไล่ล่า” สองคนร้ายที่เป็น”มือปลิดชีพ” ครู ตชด. สองพ่อลูก” ที่ถูก”ตำรวจ ภ.จว.นราธิวาส”ออกหมายจับ” แล้ว ทั้ง” อับดุลเลาะห์ บูละ และอับดุลเลาะห์ สาเมาะ” ซึ่งคุม”ลูกสมุน” จำนวน 6- 7 เคลื่อนไหว อยู่ใน”เทือกเขาเมาะแต” ใน สองอำเภอ ของ จ.นราธิวาส ผ่านไปแล้วหลายวัน กำลังของ”เจ้าหน้าที่” ซึ่งมีการจัดชุด”ไล่ล่า” ยังไม่ได้”เบาะแส” ของ”กลุ่มวายร้าย” กลุ่มนี้ นี่ก็ แสดงให้เห็นถึง”ศักยภาพ” ของ”เจ้าหน้าที่” และทำให้เห็นว่างาน”การข่าว” ในพื้นที่ยัง”ล้มเหลว” และงาน”มวลชน” ในพื้นที่ดังกล่าว ยังคง”อ่อนด้อย” ประชาชน” ในหมู่บ้าน”หลังเชิงเขา” ยังเป็น”มวลชนจัดตั้ง” ของ” บีอาร์เอ็น”……
@ซึ่งก็มีคำถามไปยัง”เจ้าหน้าที่รบพิเศษ” ที่รับผิดชอบในการทำหน้าที่”ทำลายแห่งบ่มเพาะ” ของ” ขบวนการบีอาร์เอ็น” ที่ทำการ”ปฏิบัติการทางจิตวิทยามวลชน” ที่ทำกันมาแล้ว นับสิบปี ทำไมจึงไม่”ประสบความสำเร็จ” ในการทำลาย”แหล่งบ่มเพาะ” ไม่ว่าจะเป็นใน “โรงเรียนตาดีกา” หรือ”ปอเนาะ” หรือ”โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา” และ”ใน”หมู่บ้าน” ประเด็นนี้กลายเป็นที่”ค้างคาใจ” ของ”หน่วยงานรัฐ”ด้วยกัน ส่วนกำลังของ” ทหาร” ที่อยู่ในพื้นที่” ไม่ว่าจะเป็น” ฉก.นราธิวาส ฉก.ปัตตานี ฉก.ยะลา และ ฉก.สงขลา ต้องแสดงให้เห็นถึง”ศักยภาพ” ในการ”ปิดล้อม ตรวจค้น และ ทำลาย แหล่งหลบซ่อน ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ให้ประสบผลสำเร็จ อย่ากลัวว่าการ”จับกุม” การ”วิสามัญ””ฆาตรกร” ที่”ฆ่าคน วางเพลิง” อย่าง”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” จะถูก” ต่อต้าน”จาก”เอ็นจีโอ” จาก”ภาคประชาสังคม” และจาก”กลุ่มสิทธิมนุษย์ชน” ในพื้นที่ เพราะ วันนี้ “กลุ่มคนเหล่านี้” กลายเป็น”กลุ่มที่” ประชาชนเห็นถึงการ” เลือกข้าง” อย่าง”ชัดเจน” เพราะการที่”ครู ตชด. สองคนพ่อลูก” กลายเป็น”เหยื่อความรุนแรง” โดยที่” กลุ่มคนข้างต้น” ไม่ได้ให้ความ”สำคัญ” ในการ”ประณาม” ขบวนการบีอาร์เอ็น ไม่เหมือนกับเวลาที่”บีอาร์เอ็น” ถูก”วิสามัญ”มาตรกรรม” จาก” เจ้าหน้าที่รัฐ” กลายเป็น”คำถาม” ของ”ประชาชน” ที่ทำให้”กลุ่มคนเหล่านี้ กำลังไม่มี”คุณค่า” ในการ”เรียกร้อง”ถึงความ”เป็นธรรม” และ”ไม่”เป็นธรรม” อีกต่อไป……
@เห็นด้วยนะ กับการที่ “สำนักงานอัยการ” สั่งให้มีการ”ยุติ” การเรียกร้อง”ความเป็นธรรม” จาก กลุ่ม”นักกิจกรรม” จำนวน 9 คน ที่ถูก “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” แจ้งความ”กล่าวหา” ในความผิดด้าน”ความมั่นคง” ในการจัดให้มีการ”ชุมนุมวันมลายูเดย์”โดยมีการ”ปราศรัย” และมี”ธงบีอาร์เอ็น” ในที่จัดให้มีการชุมนุม เรื่องนี้ต้องไป”ต่อสู้ถึงความผิดถูกที่ศาลยุติธรรม” ไม่ใช่การพยายาม”กดดัน” ให้” สำนักการอัยการ” สั่ง”ยุติคดี” เพราะหาไม่แล้ว ทุกครั้งที่”เกิดเรื่อง” และมีการ”ดำเนินคดี” จะมีการใช้” ขบวนการภาคประชาสังคม” มาทำการ”กดดัน”ให้มีการ”ยุติคดี” โดยอ้าง” การรู้เท่าไม่ถึงการณ์” และเรื่องนี้ วันนี้”ฝ่ายนักกิจกรรม” ยังมีการ”ปล่อยข่าวที่”เป็นเท็จ” ว่าถูก” เจ้าหน้าที่” จับกุมใน”ข้อหา” แต่งกายใน”สัญลักษณ์” ของ”ชาวมาลายู” ทั้งที่โดย”ข้อเท็จจริง”เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาในเรื่องการแต่งกายด้วย”อัตลักษณ์มลายู” แต่ กล่าวหา และ “ดำเนินคดี” ในเรื่อง”การแบ่งแยกดินแดน” เรื่องนี้” ฝ่ายประชาสัมพันธ์” ของ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้อง”ผลิตซ้ำ” ในเรื่องการ”สร้างความเข้าใจ” ใน”ข้อเท็จจริง” ให้ประชาชน ได้รับทราบอย่าง”ต่อเนื่อง”……
@ติดตามตรวจสอบ”การเมืองท้องถิ่น” ใน”โค้งสุดท้าย” ในการ”เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เริ่มที่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นการ”แข่งขัน” ระหว่าง” สุพิศ พิทักษ์ธรรม” หมายเลข 5 “ ประสงค์ บริรักษ์”หมายเลข 3 และ “นิรันดร์ จินดานาค” หมายเลข 2 ซึ่งเป็นผู้สมัคร”คนเดียว” ที่สังกัดพรรคการเมือง คือ”พรรคประชาชน” ซึ่งมี”คนของพรรค” ลงพื้นที่ไปช่วย”หาเสียง” แบบ”บนดิน” ส่วนการหาเสียง”แบบใต้ดิน” ที่เป็น”พลังเงียบ” โดยใช้” โซเซียล”เป็น”เครื่องมือ” ทำให้”หลายฝ่าย”ออกมา” ฟันธง” ว่า “พรรคประชาชน” อาจจะ”เข้าวิน” และในส่วนของ”สจ. อาจจะมีผู้สมัครของ”พรรคประชาชน” ในเขต” อ.หาดใหญ่” จ.สงขลา ได้รับการ”เลือกตั้ง” ส่วน”ประสงค์ บริรักษ์” มีการ”ขึ้นป้ายทั่วเมือง”ว่า”ไม่ซื้อเสียง” และ”เปลี่ยนสงขลา” ซึ่งก็ยังประเมินไม่ได้ว่า” ประชาชนส่วนใหญ่” ที่เคยชินการ”รับเงิน” ในการมา”เลือกตั้ง” จะ”เอาด้วยหรือไม่” กับการ”ไม่ซื้อเสียง” ส่วน”สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ก็มีนโยบาย”ส่วนตัว” ในการ”ไม่”ซื้อเสียง” ที่ออกมาใน”โค้งสุดท้าย”ก็ต้อง “ติดตาม” สามวันสุดท้าย ที่เป็น”วันจ่าย” ว่าจะเป็นอย่างไร และ”เวทีปราศรัย” ใน “โค้งสุดท้าย” ว่า แต่ละพรรคและละทีม จะมีการ”หาเสียง” กับ”ประชาชน” ชาวสงขลาอย่างไร…..
@ส่วนที่ จ.ปัตตานี แม้จะมีผู้สมัครรวม 3 ทีม แต่ จากการ ตรวจสอบ “กระแส” เสียงของ”เศรษฐ์ อัลยุฟรี” อดีต “นายก อบจ.” ยังใช้ความความเป็น”มืออาชีพ” มี “คะแนนนำ” อดีต สส.พรรคภูมิใจไทย อย่าง” อาชิม อาบู” อยู่”หนึ่งช่วงตัว” หาก”อาชิม อาบู” ต้องการ”ชัยชนะ” ในครั้งนี้ ยังมีเพิ่ม”สรรพกำลัง” อีก” หนึ่งเท่าตัว” จึงจะสู้ได้ …… เช่นเดียวกับ”ที่ จ.นราธิวาส ที่ อดีตนายก อบจ.อย่าง “กูเซ็ง ยาวอหะซัน” ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานถึง 25 ปี ยังมี”คะแนนนำ” คู่แข่งที่เป็น”มือใหม่” อย่าง” อับดุลลักษณ์ สะอิ” นักธุรกิจคนดังของ จ.นราธิวาส ที่”เปิดตัวช้า” และยังไม่มีความ”ช่ำชองทางการเมือง” แม้จะมี”น้องชายเป็น” ดร.ซาการี สะอิ” สส.เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ก็ยังคง”เหนื่อย” หากจะเอาชนะ” กูเซ็ง ยาวอหะซัน” ที่ได้รับ”แรงหนุน” จาก” พรรคประชาชาติ” ส่วนที่ จ.ยะลา เป็นการ แข่งขัน ระหว่าง”มุขตาร์ มะทา” นายก อบจ. หลายสมัยของ จ.ยะลา ที่แข่งกับ “คู่แข่ง” หน้าเดิมๆอย่าง”ลาเตะ ยากัด” เป็นการ”แข่งขัน” ที่ไม่”คึกคัก” เพราะ”ประชาชนส่วนใหญ่” เลือกที่จะ”เทเสียง” ให้กับ” มุขตาร์ มะทา” เนื่องจากเป็น”นักการเมืองท้องถิ่น” ที่เป็นที่”ยอมรับของประชาชน” ในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ จ.สตูล แม้จะมีที่ต้องการ”ล้มช้าง” อย่าง”สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์” อดีต นายก อบจ.หลายสมัย ของ จ.สตูล แต่ยังไม่สำเร็จ เลือกตั้งครั้งนี้”สัมฤทธ์ เลียงประสิทธิ์” ยังเป็น”เต็งหนึ่ง” ในสนามเลือกตั้งของ”เมืองสะโตย” เช่นเดียวกับ จ.พัทลุง เมือง”อกทะลุ” ที่ “ตำแหน่งนายก อบจ.พัทลุง ยังคงเป็นของ” นายกพร” อีกสมัย โดยไม่มี”คู่ต่อสู้” ….. แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
ไชยยงค์ มณีพิลึก
———————————————————

เปิดงาน. พิพัฒฐ์ รัชกิจประการ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน. เป็นประธานเปิดงานรับสมัครงานเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงนายจ้างโดยตรงซึ่งกระทรวงแรงงานเป็นตัวกลางในการจัดงานในครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนที่ยังไม่มีงานทำได้สมัครงานกับภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยสงขลาโดยมี โชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.สงขลา ให้การต้อนรับ

ตรวจเยี่ยม. พล.ร.ท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมการลาดตระเวนของกำลังทางเรือในกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 2 ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภายในพื้นที่รับผิดชอบ ณ. บริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ อ่าวไทย

พิธีพระราชทานดินฝังศพ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ รร.ตชด.บ้านตืองอ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู รร.ตชด.บ้านตืองอ เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 14 ม.ค.68 ในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร./เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจาก ตร. และบช.ตชด. นำโดย พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่ายผบช.ตชด. และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ร่วมในพิธี ณ สุสาน (กูโบร์) คลองทรายขาว อ.กงหรา จ,พัทลุง

เปิดงาน. อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา เปิดงาน กิจกรรมดนตรีสมานฉันท์ การแสดงคอนเสิร์ตวงออร์เคสตรา “ลูกทุ่งเพลินตาออร์เคสตรายะลาเพลินใจ” โดยมี อนุชิต กาญจนานุชิต รอง นายกเทศมนตรีนครยะลา เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ และ พี่น้องประชาชนชาวยะลา เข้าร่วมรับชม ณ หอประชุม ศูนย์เรียนรู้เทศบาลนครยะลา

ประชุมติดตาม. ว่าที่ ร,ต ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส ประชุมติดตามงานควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับอำเภอและระดับจังหวัด พร้อมต้อนรับ นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส////////////////////////////////////////////

ศึกษาเชิงพื้นที่. รุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รอง ปลัด อบจ.ยะลา นำคณะโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อพัฒนานวัตกรรม และกลไกภาคีเครือข่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกศึกษาในพื้นที่ เทศบาลเมืองสะเตงนอก อ.เมืองยะลา จำนวน 3 ราย และ พื้นที่เทศบาลตำบลโกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 5 ราย/////////////////////////////////////////

ส่งเสริม. ศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี ขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะอาชีพนักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ จชต. และ กิจกรรมขับเคลื่อนนักเรียนแกนนำในโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่สถานศึกษาอาชีวศึกษา โดยมี ธนเดช นวลเจริญ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก เป็นประธาน ณ วิทยาลัยกาญจนาภิเษก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

มหกรรมวิชาการ. พาตีเมา สะดียามู ผวจ.ปัตตานี ลงพื้นที่เปิดงาน “มหกรรมวิชาการเปิดโลกทักษะวิชาการ โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม ว.ธ.อ.วิชาการทักษะเพิ่มความรู้ สู่อนาคตก้าวไกล ณ ร.ร.ธรรมอิสลาม ต,พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ,ปัตตานี

เตรียมรับเสด็จ. คณะส่วนล่วงหน้า ลงสำรวจพื้นที่ เพื่อเตรียมการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชิในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.สงขลา โดยมี โชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.สงขลา ให้การต้อนรับ

ดนตรีในสวน. ดร. กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานสมัชชาการศึกษาจังหวัดสงขลา และกรรมการมูลนิธิเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติ เป็นประธานเปิดงานดนตรีในสวน ปี 2568 เมื่อ วันที่ 12 มกราคม โดย รร. วรนารีเฉลิม จัดการเเสดงเเละเสนอผลงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน เป็นรอบปฐมทัศน์ ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อ. เมือง จ. สงขลา

ช่วยเหลือ. อับดุลราชิ ลอแม ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตําบลรือเสาะ พร้อมด้วยนูรอัยณี เศรษฐเอกพันธ์ หัวหน้าฝ่ายสังคมสงเคราะห์ , เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการ ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย / ภัยพิบัติในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ มอบวัสดุก่อสร้าง เป็นเงินจำนวน 49,500 บาท ให้กับ ตีเยาะ สาแม ณ บ้านเลขที่ 288 หมู่ 10 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะจ.นราธิวาส

ยกทีมลุย. คณะทำงานของ ป.ป.ช. ชุดเฉพาะกิจติดตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ หรือชุด “ฉก.ฉลามอันดามัน” ยกทีมลุย อุทยานฯนพรัตน์ธารา-เกาะพีพี จ.กระบี่ หลังเป็น 1 ใน 3 อุทยานฯ นำร่องจัดเก็บรายได้แบบ E-Ticket ตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ ผลปรากฏยังไร้การจัดเก็บแบบ E-Ticket เน้นเก็บเงินสดได้วันละ 1,608,660 บาท ปีละกว่า 600 ล้านบาท พบบริหารงานมีความเสี่ยงที่เงินจะรั่วไหลไม่เข้าหลวงสูง และยังคงนำเงินนับล้านบาทต่อวันขนข้ามทะเล ป.ป.ช.จี้ ให้จัดเก็บแบบ E-Ticket เต็มร้อย 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมแก้ระเบียบให้หน่วยย่อยเปิดบัญชีเองได้

ชื่นชมความสำเร็จ, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง สาขาวิชาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ในการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม ในโรงเรือนระบบปิด ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ได้กุ้งขาวตัวโตตามขนาดที่ตลาดต้องการ ซึ่งการเลี้ยงกุ้งขาวในโรงเรือนระบบปิด จะใช้พื้นที่น้อย การบริหารจัดการ ควบคุณปัจจัยภายนอกทั้งลมฟ้า อากาศ สัตว์ปีกอย่างนก ได้ดีกว่าระบบบ่อเปิดกลางแจ้ง หลังจากนี้เตรียมออกให้ไปความรู้แก่เกษตรกรและชุมชนต่อไป

เยี่ยมจุดตรวจ. อิสสะมาแอ ยาโกะ นายอำเภอเบตง จ.ยะลา ในฐานะ ผบ.กองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.เบตง ตรวจเยี่ยม ฐานปฎิบัติการ ชคต. และ จุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ ต,อัยเยอร์เวง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่

ต้อนรับ. สุนทร ช่วยแท่น กำนันตำบลบ้านขาวได้ต้อนรับอาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ในนามหน่วยงาน สกสว. ติดตามการใช้ประโยชน์จากชุดผลิตน้ำประปา(น้ำดื่ม) จากน้ำฝนจำนวน 8 ชุด ซึ่งประเมินว่าเกิดประโยชน์ควรส่งเสริม และพัฒนาให้สอดคล้องกับความสะดวกของแต่ละครัวเรือน ณ ที่ทำการกำนัน ต,บ้านขาว. อ.ระโนด จ.สงขลา

ให้กำลังใจ สุริยา เครือรัตน์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 พร้อมด้วย รอง.และ ผอ.กลุ่ม เยี่ยมครอบครัวนักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รร.บ้านทอนเหรียน ที่ประสพอุบัติเหตุรถชนขณะเดินข้ามถนน เสียชีวิต ได้นำพวงหรีด ในนามกองทุนชาตะอนุสรณ์ และมอบเงินกองทุน 60 ปี ครองราชย์ จำนวน 2,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับครอบครัว ณ วัดคลองเขาจันทร์ อ.รัษฎา จ.ตรัง โดยมี น.ส.พนาวรรณ ทองด้วง ผอ.รร.บ้านทอนเหรียน และคณะให้การต้อนรับ