นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตในเรือนจำซึ่งต้องทำตามกฎและขาดอิสรภาพที่ผมได้อ่านจากหนังสือ “ไม่ใช่ที่ของเรา” โดย แพท-พาวเวอร์แพท เขียนไว้ ผมชอบหนังสือเล่มนี้มาก เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่เราเองไม่รู้จักและไม่อยากจะเข้าไปอยู่ในที่แบบนั้น คุณแพทเริ่มเขียนตั้งแต่เริ่มต้นว่าเหตุใดเขาถึงเข้าไปอยู่ในเรือนจำและถูกศาลพิพากษาจำคุก 50 ปี จากนักร้องที่กำลังมีชื่อเสียง แต่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด ชีวิตเขาพลิกแบบดิ่งเหว

ผมชอบบทแรก ๆ มาก เพราะจินตนาการตามที่คุณแพทเขียน แล้วนึกภาพตามได้ทันที หนังสืออ่านง่ายเหมือนคุณแพทมาเล่าเรื่องให้ฟัง เราจะได้เห็นภาพของคนที่กระทำผิดครั้งแรกที่ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง ได้ทราบถึงกระบวนการและวิวัฒนาการในเรือนจำแต่ละยุคสมัย เนื่องจากคุณแพทติดนานถึง 16 ปี อยู่ตั้งแต่มีโซ่ตรวนหนัก 3 กิโลที่เป็นเหมือนอวัยวะที่เพิ่มขึ้นมาในร่างกายและต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน มื้ออาหารที่กินตั้งแต่ “มาม่าข้าวแดง” จนเปลี่ยนเป็นข้าวขาว มีล็อกเกอร์เล็ก ๆ ที่ใส่ขันได้หนึ่งใบ เสื้อผ้าไม่กี่ชุด และข้าวของเครื่องใช้ที่อนุญาตให้นำเข้าได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ได้เห็นภาพบรรยากาศในเรือนจำแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน คนข้างในก็ไม่เหมือนกัน

ใครว่าอยู่ในเรือนจำไม่ต้องใช้เงิน..ต้องใช้เงินเพื่อชีวิต (ข้างใน) ที่ดีกว่า และเป็น “สังคมไร้เงินสด” จะใช้จ่ายอะไรทุกคนมีบัญชีของตัวเอง และใช้ได้ไม่เกินวันละ 300 บาท ถ้าคนไหนไม่มีครอบครัวและญาติมิตรค่อยส่งเงินมาให้ ก็ต้องอดทนและใช้ชีวิตที่ลำบากกว่าคนอื่นในนั้น

ถ้าใครได้อ่านแล้วจะรู้สึกเหมือนผมว่าคุณแพทเป็นคนมองโลกที่ดีมาก สร้างพลังบวกให้กับตัวเองและคนรอบข้างผ่านการสอนดนตรีและศิลปะให้กับเพื่อน ๆ เขาจึงเป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง ภาพที่ผมนึกในเรือนจำมันน่าจะเลวร้ายกว่านี้ แต่คุณแพทเขียนในมุมที่ดี อ่านแล้วรู้สึกว่าจริงใจและมีความหวังในทุก ๆ บท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนในเรือนจำ เจ้าหน้าที่ โครงการต่าง ๆ ที่เข้าไปช่วยเหลือให้ชีวิตผู้ต้องขังดีขึ้น ผมชื่นชมว่าหนังสือเล่มนี้ถือเป็นวิธีการสื่อสารให้คนภายนอกได้รับรู้ถึงสถานที่ที่คนทั่วไปไม่ควรเข้าไป…ถ้าคุณไม่กระทำผิด

ผมชอบบทสุดท้ายที่คุณแพทตื่นขึ้นมาที่บ้านในวันที่พ้นโทษออกมาแล้ว รู้สึกโล่ง สบายใจ และมีอิสระไปกับเขาด้วย ผมอยากให้เยาวชนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ (แน่นอนว่าผมอยากให้ลูกได้อ่านเช่นกัน) ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่ากับบ้านของเราและไม่มีใครรักเราเท่ากับพ่อและแม่ของเราอีกแล้ว

ในช่วงเวลาที่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมได้ดูซีรีส์เกาหลีเรื่อง Prison Playbook ผมดูไปรู้สึกว่าคล้ายคุณแพทมาก ผิดกันนิดเดียว ตัวเอกของเรื่องเป็นนักกีฬาเบสบอลที่มีชื่อเสียง เขาปกป้องน้องสาวจากคนที่มาทำร้าย แต่ลงมือรุนแรงเกินไป (มือนักกีฬาน่ะครับ) จนต้องเข้าเรือนจำ ข่าวของเขาดังมาก คนในเรือนจำอยากเจอเขาทั้งผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ทั้งดีและไม่ดี…ปกติหนังในคุกจะนำเสนอแต่เรื่องดาร์ก ๆ แต่เรื่องนี้กลับมีทุกรสชาติ มีดราม่า สืบสวน ตื่นเต้น หักมุม ออกจะไปทางตลกและ feel good เสียด้วยซ้ำ

ตัวเอกยึดมั่นในความดี มีพวกแก๊งข้างในที่ไม่ชอบเขา มีผู้คุมที่ต้องการเรียกไถเงิน แม้ในเรื่องตัวเอกจะดูทึ่ม ๆ แต่เขาจริงใจ คอยช่วยเหลือคนอื่น พอมีเหตุร้ายมักจะมีคนมาช่วยและปกป้องเขาเสมอ ผมดูไปก็นึกถึงคุณแพทไปด้วย อ้อ ลืมบอก พระเอกนี่เล่นเรื่อง Squid Game ด้วยนะครับ คนที่เล่นเป็นเพื่อนเก่าของ 456 ที่นิ่งขรึม (เรื่องนี้ก็นิ่งแต่ตลก) ส่วนเพื่อนนักโทษในเรื่องทุกคนต่างมีเรื่องราวและที่มา ก่อนที่จะมาอยู่รวมกันในห้องขังเดียวกัน

ไหน ๆ ได้ดูชีวิตของนักโทษเกาหลีแล้ว ผมเห็นมาตรฐานเรือนจำต่างชาติที่ดูแล้วทึ่งครับ เรือนจำของประเทศเกาหลีเหมือนหอพัก มีห้องที่อยู่กัน 5-6 คนไม่แออัด ในห้องมีห้องน้ำส่วนตัว มีที่ล้างจาน มีอาหารเป็นเวลา กินแบ่งแชร์กันในห้อง ทุกคนมีบัญชีสั่งของเพิ่มเติมเข้ามาได้ เช่น น้ำอัดลม มาม่า ขนม ผลไม้ ฯลฯ ชุดนักโทษมีแบ่งเป็นชุดหน้าร้อนแขนสั้นและหน้าหนาวจะเป็นแขนยาว มีชั่วโมงออกกำลังกาย เข้าโบสถ์ ทำงานฝีมือ มีเกมและกีฬาภายในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม ในห้องต้องเปิดไฟนอนเหมือนกัน (เพื่อความปลอดภัย) นักโทษสามารถยื่นใบคำร้องให้กับเจ้าหน้าที่ได้ เช่น ขออาบน้ำร้อนในหน้าหนาว เป็นต้น ผมดูแล้วก็อยากให้เรือนจำไทยยกระดับได้แบบนั้นคงจะดีมากครับ

ถ้าใครสนใจเรื่องราวในเรือนจำที่นำเสนอไม่เหมือนที่เคยผ่านตา ผมขอแนะนำทั้งหนังสือและซีรีส์เรื่องนี้เลยครับ มุมมองของคุณจะเปลี่ยนไป.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage