ทีมชาติไทย ประกาศรายชื่อนักเตะออกมา มักมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย ทำไมคนนี้ไม่ติด ทำไมคนนั้นติด นานาจิตตัง ว่ากันไป นักบอลมีเป็นร้อย คนดูมีเป็นล้าน ย่อมต่างความเห็น
พูดกันได้ วิจารณ์กันได้ สงสัยกันได้…ไม่แปลกหรอก ไม่ได้บ่อนทำลายวงการด้วย ถ้าชีวิตนี้ อะไร ยังไงก็ได้ …ไม่สงสัยเลย…อันนี้ซิ่แปลก
มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย เปิดโผ 23 นักเตะ สำหรับเตรียมแข่งขันฟีฟ่าเดย์เดือน มิ.ย. ที่จะมี 2 แมตช์ วันที่ 4 มิ.ย. อุ่นเครื่องพบ อินเดีย ที่ ธรรมศาสตร์สเตเดียม จากนั้นวันที่ 10 มิ.ย. เยือน เติร์กเมนิสถาน ในฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่ม D นัดที่ 2
23 นักเตะ จะรายงานตัวเข้าแคมป์วันที่ 2 มิ.ย.68
ความสำคัญอยู่ที่เกมเยือน เติร์กเมนิสถาน แม้แค่นัด 2 แต่นี่คือคู่แข่งแย่งเข้ารอบสุดท้ายโดยตรง ซึ่งแต่ละกลุ่มเอาเข้ารอบทีมเดียว
หลังจากต่างชนะเกมแรกมา นัดนี้ไทยจึงไปเยือน เติร์กเมนิสถาน ด้วยโจทย์ว่า “แพ้ไม่ได้” มิเช่นนั้น จะตกอยู่ในสถานการณ์ “เพลี่ยงพล้ำ” ทันที กับการคัดเลือกแบบเอาเข้ารอบทีมเดียว การสะดุดเพียงนิดอาจหมายถึง หน้าคะมำ

สำหรับ 23 นักเตะของ อิชิอิ มีรายชื่อดังนี้
ผู้รักษาประตู : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ราชบุรี), ปฏิวัติ คำไหม (ทรู แบงค็อก), สรานนท์ อนุอินทร์ (บีจี ปทุม)
กองหลัง : ชินภัทร์ ลีเอาะ (ราชบุรี), ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ (เมืองทอง), มาร์โค บัลลินี (บีจี), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี), ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์), ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (การท่าเรือ), สันติภาพ จันทร์หง่อม, อิรฟาน ดอเลาะ (บีจี)
กองกลาง : พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล (บุรีรัมย์), พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (การท่าเรือ), คคนะ คำยก (เมืองทอง), เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (เซเรโซ โอซากา), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (บีจี), เบนจามิน เดวิส (อุทัยธานี), สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล ซัปโปโร), เอกนิษฐ์ ปัญญา (เอฮิเมะ)
กองหน้า : กรวิชญ์ ทะสา, ปรเมศย์ อาจวิไล (เมืองทอง), ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
จากรายชื่อดังกล่าว ไปเจาะ แยกทีละประเด็น
เล่นตรงไหนกันบ้าง
เซ็นเตอร์ มาให้เลือก 4 คน ทรงวุฒิ, เอเลียส, ชินภัทร์, มาร์โค / แบ๊กซ้าย ศศลักษณ์, อิรฟาน / แบ๊กขวา สันติภาพ, ศุภนันท์
กองกลาง พิธิวัต, พีรดนย์, วรชิต, คคนะ/ ตัวรุก ชนาธิป, เบนจามิน, สุภโชค / ตัวรุกริมเส้น สุภโชค, เอกนิษฐ์, เจริญศักดิ์, กรวิชญ์,
กองหน้า ศุภชัย, ปรเมศย์
แบ่งมาแบบนี้ ก็พอเห็นภาพคร่าวๆ ว่าถ้าเป็นชุด 11 คน แรก จะเป็นใครได้บ้าง กับระบบ 4-2-3-1

ขาดใครไป
เอาแบบที่ปกติติด และน่าจะติด แต่ไม่ติด…อ้อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของ อิชิอิ ที่เน้นมองสู่อนาคต ดังนั้น จะไม่ใช้งานตัวเก๋าหลายราย
ในกองหลัง ไม่มี โจนาธาร เข็มดี ที่เจ็บ และไม่แปลกที่ไม่มี พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมศักดิ์ อักขี ที่น่าจะเหตุผลด้านอายุ
แบ๊กขวา ไร้ นิโคลัส มิคเกลสัน ไม่แน่ชัดว่าเพราะอะไร เห็นข่าวออกมาว่ากำลังเคลียร์เรื่องสโมสรใหม่ แต่เรื่องแบบนี้ให้เอเยนต์จัดการก็ได้มั้ง รอไปเซ็นแกร๊กเดียว
ซ้าย(หรืออาจกลาง) ไม่มี “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่ร่างกายพร้อมแล้ว…น่าคิดว่า ตอนนี้ไม่มี แล้วต่อไปจะมีอีกไหม
มิดฟิลด์ “กันต์” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ติดมาฟีฟ่าเดย์ก่อน นี่หลุดอีกแล้ว, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่จะเรียกว่าเป็นขาประจำ ก็ไม่มี, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่พุ่งขึ้นมาก็จริง แต่พอเข้าใจได้ ถ้า อิชิอิ จะทำทีมโดยมีเพื่ออนาคต
กองหน้า “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ไม่ได้ลงเลยในช่วงหลัง ด้วยอายุจะ 37 น่าจะปิดฉากทีมชาติแล้ว, พาตริก กุสตาฟ์สัน ที่ 2 นัดกับทีมชาติ ยิง 3 ประตู ก็ไม่มีชื่อ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ยังไม่เต็มร้อย
อ้อ…2 ลูกครึ่งที่คนไทยรอคอย ก็คอยต่อไปนะจ๊ะ ทั้ง จูด ซุ่นทรัพย์ เบลล์, เอริค คาห์ล แม้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมบอล จะเคยบอกว่า อาจมาร่วมทีมชาติตั้งแต่ฟีฟ่าเดย์ มี.ค. แต่นี่เข้า มิ.ย. ก็ยังไม่มีวี่แวว
ว่างเมื่อไหร่ ไม่มีทีมชาติดีๆ(กว่าไทย) เรียกตัว ก็ค่อยมาแล้วกัน

นักเตะน่าสนใจในทีม
น่าสนใจทั้งที่ฟอร์มดี และฟอร์มอิหยังวะ อ่ะนะ
เซ็นเตอร์ คำถามเยอะมาก กับ มาร์โค บัลลินี ปราการหลังร่างโย่ง จาก บีจี ปทุม เล่นสโมสรยังโดนจวก น่าสนใจว่า อิชิอิ เห็นอะไรจากตัวเขา ต้องรอพิสูจน์ในสนาม, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ จากเมืองทอง ผลงานดี ไม่เซอร์ไพรส์มาก, ชินภัทร์ ลีเอาะ ฟีฟ่าเดย์ก่อน ก็โอเคอยู่ แล้ว โจนาธาร เจ็บพอดีด้วย
ฟูลแบ๊ก อิรฟาน ดอเลาะ ถูกแปลงร่างมาอีกครั้ง ขณะที่ สันติภาพ จันทร์หง่อม ก็ยังได้โอกาส
มิดฟิลด์ “เต้” พิธิวัต ได้คัมแบ๊กเสียที ถือว่าเหมาะสม, คคนะ คำยก ก็ดี ควรให้โอกาส และ พีรดนย์-วรชิต ยังเป็นขาประจำ
แนวรุก เรียก 3 เจลีก ครบ สุภโชค, เอกนิษฐ์, เจริญศักดิ์ ซึ่งรายแรก ยังไงก็ต้องเรียก ส่วน เจริญศักดิ์ นั้น เมื่อฝั่งขวาไม่มี ศุภณัฏฐ์ ก็จะมาแทนที่ได้ โดยใช้ความเร็วพุ่งไปข้างหน้าเป็นจุดเด่น
เบนจามิน เดวิส ได้โอกาสต่อเนื่อง กับสไตล์ที่แตกต่างคนอื่น ซึ่งก็ดี ได้เรียนรู้ เก็บเลเวลจาก “พี่เจ” ชนาธิป
กองหน้า ไม่มีเซอร์ไพรส์มาก ศุภชัย ไม่เจ็บก็มาตามนั้น, ปรเมศย์ ฟอร์มดีต่อเนื่องอยู่แล้ว จะเอ๊ะสักนิด ก็ กรวิชญ์ ที่บทบาทเขาลงมาเล่นหน้าต่ำ หรือริมเส้น ก็อาจลองให้โอกาสแทน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย บ้าง

ซ้อม2วันเอง จะพอเหรอ
เดิมที อิชิอิ อยากได้เริ่มซ้อมตั้งแต่ 26 พ.ค. ไม่อยากปล่อยกันนาน เพราะหลายสโมสรปิดฤดูแล้ว
แต่ในเมื่อมีบอลถ้วยมาเกะกะ รีโว่คัพ ชิง 31 มี.ค., ญี่ปุ่นก็ยังไม่ปิดลีก ไหนจะมี 4 คนไปเตะกับ แมนฯยูฯ ถึงเรียกซ้อมเร็ว ก็ไม่มีคนซ้อม ต้องไปกันท่านักข่าว ช่างภาพ ไม่ให้ไปถ่ายบรรยากาศโหรงเหรงอีก
เลยเลื่อนมาเข้าแคมป์ 2 มิ.ย. เพียง 2 วันก่อนอุ่นเครื่องกับ อินเดีย วันที่ 4 มิ.ย.
มีเวลาซ้อมเยอะมันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อคิวมันมาแบบนี้ก็ทำใจ
และจะว่าไป ก็ไม่ได้เลวร้าย ฟีฟ่าเดย์ก็เริ่ม 2 มิ.ย. เพียงแต่เราล็อกวันเตะ อินเดีย เร็ว คือวันที่ 4 มิ.ย.
เกมอุ่นเครื่อง ก็ให้นับเป็นการซ้อม เป็นการเตรียมตัวไปเลย อิชิอิ อาจไม่ได้ลงทีมอะไรมาก เพียงแค่ทดลอง จับคนนั้นคนนี้ไปใส่ ผลแข่งขันถ้าไม่ดีอย่าเพิ่งซีเรียส
ของจริงคือ 10 มิ.ย. เยือน เติร์กเมนิสถาน ที่พลาดไม่ได้
ถ้านับจากวันเริ่มซ้อม มีเวลา 8 วัน, นับจากวันอุ่นเครื่อง มีเวลา 5 วัน (หักวันเดินทาง อาจเหลือ 7 กับ 4 วัน)
เวลาเตรียมทีมอาจไม่มากแบบสุดปึ้ก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป
เห็นชื่อก็ไม่ได้ความรู้สึกสุดโต่งอะไรมาก ก็ราวๆนี้ จะสงสัยในบางคนว่าทำไมติด ทำไมไม่ติด แต่ก็พอจะหาเหตุผลได้อยู่

ชุดนี้จะปังหรือแป้ก
ชนาธิป, สุภโชค, เจริญศักดิ์, เบนจามิน, เอเลียส ฯลฯ จากแกนนำแบบนี้ก็โอเคอยู่ กับคู่ต่อสู้ อินเดีย และ เติร์กเมนิสถาน
จะเสียวๆ นิดตรงกองกลาง ถ้ามี วีระเทพ จะอุ่นใจกว่านี้
อย่างที่บอก เกมแรกกับ อินเดีย แค่อุ่นเครื่อง และกระชั้นชิด อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก
ของจริงอยู่ที่การเยือน เติร์กเมนิสถาน ที่ต้องพร้อมสุดขีด
ชนะก็ดี เสมอไม่เสียหาย เพราะยังมีเกมในบ้าน
แต่อย่าแพ้ แพ้แล้วเครียดกันหมด ทีมชาติไทยจะเดินเข้าสู่สถานการณ์หมิ่นเหม่ต่อการตกรอบ
และแน่นอน แม้จะบอกว่ามองเป้าไปข้างหน้า แต่รายการเฉพาะหน้าอย่าง “เอเชียนคัพ” ที่พลาดไม่ได้
แล้วถ้าแม้เพียงมีแววจะพลาด
อิชิอิ ก็จะหมิ่นเหม่ต่อการตกเก้าอี้เช่นกัน.
วุฒินล บุญวานิช