ทีมข่าวอาชญากรรม” มัดรวมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช่วงนี้มีมุขอะไรใหม่ จะได้ไม่พลาดสูญเงิน

ทักเปิดบัญชีทิพย์

มิจฉาชีพยังคงใช้วิธีอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เป็นหน่วยงานรัฐ อย่างเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทำทีโทรหาเหยื่อ สร้างเรื่องว่าเหยื่อทำหนังสือมอบอำนาจพร้อมบัตรประชาชนมายื่นขอเปิดบัญชีธนาคารที่เข้าข่ายเป็นบัญชีม้า โดยมิจฉาชีพจะบอกข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อได้ถูกต้องทั้งหมด

หากเหยื่อปฏิเสธไม่ได้มอบอำนาจใครไปเปิดบัญชีแทน มิจฉาชีพจะอ้าง“ขออายัดบัญชี”ตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่“ขั้นตอนเชือด” เพราะหากหลงเชื่อทำตาม เงินจะปลิวออกจากบัญชี

ข้อสังเกตที่ต้องดึงสติมุขนี้คือ การเปิดบัญชีธนาคารไม่สามารถมอบอำนาจบุคคลอื่นทำแทน และต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น!!!

สูตรผสมเก่าใหม่ สวมรอยอายัดบัญชี

เป็นรูปแบบที่มิจฉาชีพทำงาน“ซับซ้อน”ขึ้น ด้วยการลงทุนโทรไปแอบอ้างกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร“สวมรอย”เป็นตัวเหยื่อ ขอให้ธนาคารรีบ“อายัด”บัญชี อ้างกลัวเงินไหลออกปลายทาง และด้วยการยืนยันตัวตนของธนาคารที่ยังมีช่องโหว่ เมื่อได้ข้อมูลส่วนบุคคล ก็จะอายัดตามคำขอ ด้วยเข้าใจว่าเป็นเจ้าของบัญชีโทรมาจริง

ทันทีที่มิจฉาชีพรับแจ้งว่าธนาคารอายัดให้แล้ว นี่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นการใช้ประโยชน์ ไปสร้างเรื่องข่มขู่ ท้าทายให้เหยื่อลองทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันจะได้รู้ว่าถูกอายัด เพราะต้องสงสัยพัวพันคดี

เมื่อเหยื่อกลัวถูกดำเนินคดี ก็ยอมโอนเงินไปให้ปลายทางที่อ้างว่าจะนำไปตรวจสอบ ซ้ำออกอุบายถามถึงบัญชีอื่นๆ โน้มน้าวแกมขู่ผ่านวิดีโอคอล หรือให้ถือสายตลอดเวลา เพื่อควบคุมให้โอนเงินจากบัญชีอื่น ๆ จนเกลี้ยงเช่นกัน

ข้อสังเกตที่ต้องตั้งสติกับมุขนี้คือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถโทรไปขอธนาคารอายัดบัญชีตรวจสอบได้ แต่ต้องทำเป็นหนังสือแจ้งถึงธนาคาร หากถูกอ้างแบบนี้ให้เหยื่อตั้งสติ โทรหาสายด่วนธนาคารพร้อมสอบถามเหตุผลที่บัญชีถูกอายัด และผู้ที่แจ้งอายัด

หากธนาคารตอบกลับ“เจ้าของบัญชีเป็นผู้โทรศัพท์มาขออายัดบัญชีเอง” ก็ชัดเจนว่าบัญชีไม่ได้ถูกอายัดโดยเจ้าหน้าที่ตามที่มิจฉาชีพอ้าง

คนนอกขอรหัส OTP

มุขหลายคนอาจยังไม่รู้ หากมิจฉาชีพมีข้อมูลอีเมล หรือชื่อผู้ใช้งาน เพื่อเข้าสู่ระบบออนไลน์ต่างๆของเหยื่อได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ มิจฉาชีพจะพยายามหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งรหัส OTP ที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญเข้าสู่ระบบ

เมื่อมิจฉาชีพได้ OTP จะสามารถใช้เข้าถึงบัญชีธนาคาร เพื่อโอนเงิน ทำธุรกรรมออนไลน์ หรือกระทั่งเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชีของเหยื่อได้ทันที

นี่จึงเป็นอีกมุขที่ต้องย้ำ ไม่ว่าญาติสนิท มิตรสหาย เจ้าหน้าที่รัฐ ธนาคาร ตำรวจ หรือองค์กรใหญ่มาจากไหน ใครขอ OTP ห้ามส่งเด็ดขาด

มุขที่เหมือนซ้ำ คล้ายเคยได้ยินเข้าหู เพียงเพิ่มบท ตีเนียน ความเสียหายรอบใหม่ก็ปรากฎ และเมื่อมิจฉาชีพขยัน“อัปเกรด” เราเองก็ต้องหมั่น“อัปเดต”ให้ทันด้วย.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน