การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องธรรมชาติอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าในวัฒนธรรมและในศาสนาส่วนใหญ่ การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองยังคงไม่ได้รับการยอมรับ หรือไม่ได้รับการอนุญาต นอกจากนี้การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองถือว่าเป็นการห้ามไม่ให้ทำ และเป็นความน่าอัปยศอดสู ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารพฤติกรรมทางเพศ (Archives of Sexual Behavior) ในปี 2011 ซึ่งสามารถนำไปสู่ความรู้สึกผิด ความอับอายและความเครียดอย่างมาก

การศึกษานี้พบว่าคนหนุ่มสาวที่เรียนรู้การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองในช่วงวัยรุ่น ความในใจลึก ๆ จะมีความรู้สึกอัปยศอดสูและถือว่าเป็นข้อห้ามที่ติดอยู่กับการกระทำที่น่าพึงพอใจ แล้วต้องใช้เวลาครึ่งชีวิต (หรือทั้งหมด) เพื่อจัดการกับความตึงเครียดระหว่างความสุขและความอัปยศนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะบอกท่านว่าความขัดแย้งนี้ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก

สำหรับผู้สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจำนวนหนึ่ง อาจมีผื่นที่ผิวหนังเนื่องจากการเสียดสีในขณะที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบมากที่สุด ถึงแม้ว่าผลข้างเคียงจะไม่รุนแรง แต่ปัญหานี้อาจแก้ไขได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น อย่างไรก็ตามมีอีกสองสถานการณ์ที่การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพที่รุนแรง:

การเสพติดการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง หากท่านข้ามงานเล็กงานน้อย งานบ้าน กิจกรรมประจำวัน กิจกรรมและแผนทางสังคม ฯลฯ เพียงเพื่อที่ท่านจะได้สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองได้ ท่านอาจมีอาการเสพติดการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองได้ เช่นเดียวกับการเสพติดประเภทอื่น ๆ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การลดประสิทธิภาพการทำงาน ความเสียหายต่อความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และอาจจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างรุนแรง

ความผิดปกติทางจิต จากการศึกษาในวารสารการแพทย์ทางจิตวิทยาของอินเดีย ชี้ให้เห็นว่าความรู้สึกผิดอย่างร้ายแรง ความละอาย การผิดศีลธรรม และความรู้สึกสกปรกเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองสามารถนำไปสู่โรคจิตเภทที่รุนแรงได้ สิ่งเหล่านี้มักเป็นความผิดปกติทางจิตขั้นรุนแรงและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างยิ่งและเกิดจากการไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างความอัปยศและความสุขในการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง.

—————————————
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล