สนง.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “สปสช. องค์กรที่ดูแล 30 บาทรักษาทุกโรค หรือบัตรทอง ถูกเปลี่ยนมาเป็นหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพราะ รบ.เผด็จการรังเกียจว่าเป็นนโยบายจากรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ลบชื่อทิ้งก็ยังเอา แต่กลับเป็นนโยบายที่ดีสุดตลอดกาล เป็นโครงการที่เข้าไปนั่งอยู่กลางหัวใจประชาชน แม้มีความพยายามด้อยค่าว่า เป็นภาระงบประมาณ ก็ถูกโต้กลับรุนแรงว่า แล้วทำไมทุ่มซื้ออาวุธได้ไม่อั้น

สปสช.ที่ผ่านมา ยังเป็นองค์กรที่พึ่งพิงของผู้คนเสมอมา แม้ในช่วงโควิด-19 ระบาดรุนแรง มีข่าวคนฉีดวัคซีนเสียชีวิต หลายคนเป็นเสาหลักของครอบครัว เคยแข็งแรงมาก่อน การเสียเสาหลักทำให้ครอบครัวไม่มีทางไป ครั้งนั้นทำให้เราได้เห็นการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ทันเหตุการณ์และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ออกมาประกาศว่า แม้ไม่มีความเห็นทางแพทย์ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่หากเสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีน สปสช.ก็เตรียมเงินกว่าร้อยล้านเพื่อเยียวยาให้ครอบครัวผู้สูญเสียรายละ 4 แสนบาท มีการจ่ายจริง ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อโอบอุ้มผู้สูญเสีย ทำให้ผู้คนลดความหวาดกลัวจากการฉีดวัคซีนลงได้ในที่สุด

ประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องว่ามีระบบสาธารณสุขดีสุดในโลก ส่วนหนึ่งก็เพราะ ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลฟรีได้อย่างเสมอภาคถ้วนหน้า ไม่ว่า ผู้ดี ไพร่ เศรษฐี หรือยาจก ใช้บัตรทองได้ จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ใครถึงล้มโครงการนี้ไม่ลง ล้มไม่ได้

ผู้นำเผด็จการเคยหน้าบานไปกล่าวสุนทรพจน์ที่ยูเอ็น เพราะ 30 บาทรักษาทุกโรค กลายเป็นโครงการที่องค์การอนามัยโลกยกย่องกล่าวขวัญถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยม แนะให้ทั่วโลกเอาเป็นต้นแบบ แต่กลับไม่เคยได้ยินผู้นำเผด็จการจะเคยให้เครดิตกับผู้คน หรือ รบ. ที่ทำโครงการนี้แม้แต่คำเดียว มันแสดงถึงภาวะผู้นำว่าใจกว้างและให้เกียรติคนมากน้อยแค่ไหน ตอนเรืองอำนาจสุด ๆ ผู้คนได้แต่ฝืนทนกับพฤติกรรมเหล่านี้

แต่การหัวเราะ นะจ๊ะ นะจ๋า กับลูกคู่ ท่ามกลางประชาชนที่ทุกข์ทนจากการบริหารวัคซีนผิดพลาดร้ายแรง มีคนรอเตียงจนตายคาบ้านทุกวัน ร้านอาหาร นักดนตรี ธุรกิจรายย่อย คนตกงาน ฆ่าตัวตาย อย่างไม่เคยเกิด เสียงหัวเราะจึงกลายเป็นมีดเสียดแทงใจยากที่จะให้อภัยได้

ล่าสุด ภาพคนเฒ่าคนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง ต้องตะกายตื่นตี 1 ตี 2 นอนรอข้างถนนราวหมูหมากลางสายฝน เพื่อรอคิวตรวจหาเชื้อโควิด ที่รพ.และคลินิกทุกแห่ง ไม่รับตรวจแล้ว ไทยมาถึงจุดนี้ได้ไง นอกจากนอนรอเตียงจนตาย ถูกเท เพราะวัคซีนไม่พอ ต้องควักเงินซื้อวัคซีนเอง ยังหาที่ตรวจโควิดไม่ได้อีก นี่หรือคือระบบสาธารณสุขที่ถูกยกย่องว่า ดีสุดในโลก

แล้วก็เป็น “สปสช.” ที่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะเป็นองค์กรติดดินที่อยู่กับคนเดินดินกินข้าวแกง ลุกขึ้นร่วมกับ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) คณะเทคนิคการแพทย์ มหิดล กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาธารณสุข ปลดล็อกให้สถานพยาบาลทุกแห่งใช้เครื่องมือ Rapid Antigen Test Kit ที่ตรวจได้เร็วใน 30 นาที โดยให้เอาผลตรวจนี้ไปใช้ได้เลย พร้อมกับเพิ่มสถานที่ตรวจได้ครั้งละ 3,000 คนอีกหลายแห่ง สนองความต้องการของประชาชน พร้อมจะให้หาซื้อเครื่องตรวจโควิดได้ทั่วไป ซึ่งถูกต้อง แต่ยัง
ไม่ดีพอ

อย่างที่เคยเขียน ที่อังกฤษเครื่องมือนี้เค้าแจกฟรีมานานแล้ว ส่งให้ตามบ้าน แจกตามร้านขายยา ห้องสมุด ศูนย์ตรวจโรค หรือแหล่งชุมชน นักเรียนให้ตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีวิดีโอบอกวิธีตรวจพร้อม นี่คือวิธีการที่จะทำให้การกักตัวที่บ้านหรือ ชุมชน ที่ สปสช.กำลังดำเนินการอยู่พร้อมมาตรการอื่น ๆ เกิดขึ้นได้จริง

สิ่งที่ สปสช. ต้องรุกต่อคือ จะแจกเครื่องตรวจโควิดฟรีได้อย่างไร สภาอุตสาหกรรมพร้อมผลิตได้ในราคาไม่ถึงร้อยบาท และอาจถูกกว่านี้ได้อีก จะให้ไปซื้อเองในร้านขายยาอันละ 300-400 บาท ในภาวะประชาชนกำลังจะตาย คือการผลักภาระที่ไร้ความรับผิดชอบสิ้นเชิง?!?

ประชาชนประเทศนี้พึ่งตัวเองทุกอย่างแล้ว อย่าให้ทุกข์ลำเค็ญอยู่ตามยถากรรมกว่านี้เลย ขอให้ สปสช.เป็นที่พึ่งสุดท้ายเหอะ.

——————
ดาวประกายพรึก