รัฐบาลโตเกียวได้ประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 4 ในพื้นที่กรุงโตเกียว และจังหวัดปริมณฑลเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถ้านับตามวันแล้วก็เหลืออีกแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนโตเกียว 2020 ก็จะเริ่มขึ้น ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าจะไม่มีผู้ชมได้รับอนุญาตเข้าสนาม เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

มาตรการควบคุมโรคตามประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข จะมีผลบังคับใช้ไปถึงวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงร้านอาหารว่าจะต้องปิดให้บริการเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ห้ามเสิร์ฟเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพื่อแลกกับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ

โคโซ ฮาเซกาวะ ประธานกลุ่มบริษัทโกลบอล-ไดนิง อิงค์ ซึ่งทำหน้าที่บริหารร้านอาหาร 43 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นแรงบันดาลให้เป็นหนึ่งในฉากร้านอาหารที่สู้กันเลือดสาดในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง “Kill Bill:Volume1”ผลงานของเควนติน ตารันติโน ผู้กำกับชื่อดัง ออกฉายในปี 2546 ประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยจะเปิดจำหน่ายไปตามปกติ

CBS Evening News

ยาซุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งรับผิดชอบเรื่องมาตรการป้องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย บอกว่า เขาจะเสนอให้ธนาคารสถาบันการเงินกดดันกับร้านอาหารบริการต่าง ๆ หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเข้มงวด และจะลงโทษอย่างหนักสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตาม

ปรากฏว่าคำว่าสถาบันการเงิน กดดัน รัฐมนตรีนิชิมูระ กลายเป็นคำติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรัฐมนตรีนิชิมูระออกมายอมรับว่าเขาไม่ได้หมายความว่า ให้สถาบันการเงินเพิกถอนการปล่อยเงินกู้กับธุรกิจร้านอาหาร แต่สำหรับฮาเซกาวะแล้วบอกว่า ช็อกกับคำพูดของรัฐมนตรีนิชิมูระ

ร้านอาหารในเครือของกลุ่มโกลบอล-ไดนิ่งได้ต่อกับภาครัฐมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนที่จะมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด แล้วยังกล้าปฏิเสธคำร้องขอของภาครัฐให้ปิดบริการเร็วขึ้น และเสิร์ฟแอลกอฮอล์

ส่วนร้านกอนปาจิของโกลบอล-ไดนิง ซึ่งจะเหมือนเป็นห้องใหญ่ในตัวอาคารนั้นเป็นแรงบันดาลใจของฉากในภาพยนตร์ “Kill Bill” แล้วยังเคยถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารที่นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ของญี่ปุ่น ใช้รับรองอาหารมื้อค่ำกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช แห่งสหรัฐเมื่อปี 2545

ญี่ปุ่นแม้จะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างมาก จากการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่ก็พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากกว่า 810,000 ราย และเสียชีวิต 14,900 ศพแล้ว ซึ่งการจัดฉีดวัคซีนอย่างล่าช้า ทำให้มีเพียงประชากร 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม

ความขัดแย้งระหว่างเครือร้านอาหารกับภาครัฐ สะท้อนให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขออกมาวิพากษ์ภาครัฐ ว่าใช้มาตรการควบคุมยังไม่เด็ดขาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมนั้นภาครัฐมักจะได้รับความร่วมมือด้วยดีจากภาคธุรกิจเอกชนเสมอมา

โฆษกรัฐบาลออกมายืนยันว่า มาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดนั้น ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะจัดการกับธุรกิจส่วนไหนเป็นการเฉพาะ แต่เป็นมาตรการควบคุมโรคอย่างกว้าง ๆ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงอันตรายจากการแพร่ระบาดรุนแรง ซึ่งตามกฎหมายแล้ว หากธุรกิจร้านอาหารไม่ปฏิบัติตาม ต้องถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 3 แสนเยน ( 2,725.79 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 71,773.70 บาท ).

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS