ปี 2565 เป็นปีที่ต้องจับตาอายุความคดีสำคัญ ทายาทตระกูลดั ง“วรยุทธ อยู่วิทยา” หรือ บอส ขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ ด.ต.วิเชียร  กลั่นประเสริฐ  เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 

ผ่านไปใกล้ครบ 10 ปี  คดีขาดอายุความไปแล้ว 3 ข้อหา 

ขณะที่ในปีนี้ หากยังไม่ได้ตัวกลับมาดำเนินคดี แน่นอนว่าจะมีอีก 1 ข้อหา ขาดอายุความตามไปโดยปริยาย จนอาจเหลือเพียง 1 ข้อหาสุดท้ายที่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่มีจุดจบเหมือนข้อหาอื่นๆ ก่อนหน้านี้

สรุปข้อหาที่นายวรยุทธถูกดำเนินคดี พร้อมสถานะคดีทั้งหมดมี 5 ข้อหา ประกอบด้วย

ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

(อายุความ 1 ปี ขาดอายุความ

ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย

(อายุความ 1 ปี ขาดอายุความ)

ข้อหาขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ ไม่แจ้งเจ้าพนักงาน

(อายุความ 5 ปี ขาดอายุความ)

ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย

(อายุความ 10 ปี ถึงวันที่ 3 ก.ย.2565)

ข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย

(อายุความ 15 ปี ถึงวันที่ 3 ก.ย.2570)

ที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวคดีดังกล่าวถูกจับตาอย่างหนัก ไม่เพียงสถานภาพทางสังคมของคู่กรณี แต่พิรุธตลอดกระบวนการต่อสู้ และท่าทีของผู้เกี่ยวข้องได้สร้าง “บาดแผล” ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางจนเกือบปลายทาง

โดยเฉพาะ 2 จุดเปลี่ยนสำคัญ

ครั้งแรก กรณีปรากฏข่าวอัยการ “พลิก” คำสั่งจาก “ฟ้อง” เป็น “ไม่ฟ้อง” ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงข้อหาสุดท้ายที่ดำเนินคดีได้ ที่สำคัญประเด็นดังกล่าวมาจากการนำเสนอข่าวสื่อต่างประเทศ ยิ่งน่าสงสัยถึงเงื่อนงำที่คำสั่งไม่ฟ้องเงียบกริบในประเทศไทย ซ้ำมารู้ภายหลังว่าผู้เสียชีวิตตกเป็นผู้ต้องหาร่วมด้วย

กระแสสังคมที่เกิดขึ้นส่งผลให้นายกรัฐมตรี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มี นายวิชา  มหาคุณ เป็นประธาน ทำหน้าที่คลี่คลายข้อสงสัยที่มาที่ไปบทสรุปค้านสายตา

ครั้งต่อมา เกิดขึ้นหลังผลสอบข้อเท็จจริงปรากฎพิรุธ ส่อเค้าเป็น “ขบวนการสมคบคิด” ช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นผิด โดยมีผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่พนักงานสอบสวน ผู้บังคับบัญชา อัยการ ทนาย สมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) นักการเมือง และพยาน

จุดเปลี่ยนครั้งนี้เป็นที่มาให้ทบทวนการพิจารณา และมีการ “สั่งฟ้อง” ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายอีกครั้ง รวมถึงอีก 1 ข้อหาที่ตกหล่นไปตั้งแต่ต้นคือข้อหาเสพโคเคน

ปัจจุบันสถานะคดีอยู่ระหว่างการติดตามตัวนายวรยุทธที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

เมื่อเร็วๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาชี้แจงขั้นตอนคืบหน้าที่แทบไม่คืบหน้าว่า ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างขั้นตอนประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ประสานกับสถานทูตไทยในต่างประเทศ และสถานทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย รวมถึงเผยแพร่หมายแดง (Red Notice) ที่ออกไว้เมื่อ 30 ก.ย.2563 ไปตามช่องทางเครือข่ายองค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล (Interpol) 195 ประเทศ เพื่อเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว พร้อมทำคำร้องเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเตรียมไว้

หากได้รับแจ้งข้อมูลถิ่นที่อยู่ จะนำมาประกอบคำร้องเสนอให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อทันที

สำหรับข้อมูลสุดท้ายกองการต่างประเทศ พบนายวรยุทธเดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อปี 2560 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลหลบหนีไปสถานที่ใด

ณ วันนี้หากจะบอกว่าไร้วี่แววความหวังเลยก็คงไม่ได้ เพราะตราบใดที่ยังอยู่ในอายุความ ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที  ยังเป็นโอกาสของกระบวนการยุติธรรมที่จะเรียกคืนความเป็นธรรมให้ผู้สูญเสีย 

ท้ายนี้ จึงได้แต่หวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามใช้โอกาสสุดท้ายที่มีอย่างเต็มที่ที่สุด.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]