หลังหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายๆคนคงจะเลือกเดินทางกลับไปหาครอบครัว หรือออกเที่ยวที่ต่างจังหวัดกันไม่ใช่น้อยนะครับ แต่เมื่อเดินทางกลับมาทำงานแล้ว เรื่องรถยนต์นั้น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะการขับรถทางไกลเช่นนี้ ย่อมมีการใช้งานรถที่หนักหน่วงกว่าปกติ อาจทำให้ชิ้นส่วนต่างๆสึกหรอเร็วกว่าปกติได้

วันนี้ “รู้ก่อนเหยียบ” จึงขอแนะนำวิธีเช็ครถง่ายๆ โดยไม่ต้องเอารถไปรอคิวเช็คที่ศูนย์ฯให้เสียเงิน เสียเวลาโดยไม่จำเป็นมาฝากกันครับ

เทคนิคเช็กรถหลังงขับทางไกล
1.ของเหลวในเครื่องยนต์
-น้ำมันเครื่อง ควรเช็คหลังจากดับเครื่องยนต์ไปแล้วประมาณ 1 นาที ดูระดับน้ำมันเครื่องว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ มีสีเข้มผิดปกติหรือกลิ่นผิดไปจากเดิมหรือไม่
-น้ำมันเบรก หากมีการขับรถลงเขาเป็นระยะทางยาวๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ถ้าน้ำมันเบรกยังไม่พร่องลงไปมากนัก ก็สามารถใช้งานตามปกติได้ แล้วจึงเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด
-น้ำมันเกียร์ เป็นอีกหนึ่งระบบที่ถูกใช้งานอย่างหนักขณะเดินทางไกลไม่ต่างกับเครื่องยนต์ ดังนั้นควรเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หากพบว่าพร่องก็ควรรีบเติม หรือเปลี่ยนถ่ายทันที
-หม้อน้ำและหม้อพักน้ำ โดยปกติแล้วระดับน้ำในหม้อน้ำไม่ควรพร่องลงไปจากเดิมมากนัก แม้จะเดินทางไกลก็ตาม แต่หากพบว่าระดับน้ำในหม้อน้ำหรือหม้อพักน้ำลดลงไปต่ำกว่าปกติ ควรเติมให้ได้ระดับทันที
-น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ โดยปกติถ้าไม่มีปัญหากับระบบแร็คพวงมาลัย จะไม่ค่อยพบอาการน้ำมันพาวเวอร์รั่วหรือพร่อง แต่ทางที่ดีก็ควรเช็คให้แน่ใจว่าปริมาณน้ำมันยังคงได้ระดับดี

2.เช็คสภาพและลมยาง
การเดินทางไกลอาจส่งผลให้ความดันลมยางลดลง จึงควรเช็คลมยางเมื่อมีโอกาส เพื่อป้องกันการสึกหรอของยางและลดโอกาสเกิดอันตรายจากการขับด้วยความเร็วสูง นอกจากนั้นยังควรตรวจสภาพยางว่าไม่มีอะไรเข้าไปทิ่ม อุด ตำ จนเป็นสาเหตุให้เกิดการรั่วซึมอย่างช้าๆ แต่หากพบว่าล้อใดล้อหนึ่งมีความดันลมน้อยผิดปกติ ให้สันนิษฐานว่าล้อข้างนั้นอาจมีอะไรทิ่มเข้าไปแล้วคาอยู่ในเนื้อยาง เป็นเหตุให้เกิดการรั่วซึมอย่างช้าๆ ทางที่ดีควรปะยางหรือเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย

3.ระบบไฟส่องสว่าง
โดยการลองเปิดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอกทั้งหมด แล้วลงมาดูว่าทุกดวงยังคงทำงานดีหรือไม่ ส่วนไฟเบรกก็ลองสังเกตจากแสงที่สะท้อนจากผนังกำแพงก็ได้

4.ระบบช่วงล่างเเละระบบกันสะเทือน 
ถนนบางช่วงของประเทศไทยมักมีการปรับปรุงผิวหน้าถนนทำให้พื้นผิวมีความขรุขระ หรือหลุมบ่อ รมถึงบางท่านที่นำรถออกทริปในเส้นทางออฟโรดที่ต้องขับในสภาพที่ระบบกันสะเทือนต้องทำงานตลอดเวลา ควรหมั่นตรวจสอบโช็คอัพว่ามีน้ำมันซึมออกมาหรือไม่ หรือลองใช้เเรงกดรถบริเวณตัวถังว่ามีรถมีการยุบเเละคืนตัวในสภาพปกติหรือไม่ หรือรถมีการเด้งคืนสภาพเร็วเเละเเข็งเกินไปรวมถึงมีเสียงเเสดงว่าโช็คอัพเริ่มมีปัญหาเเล้วครับ

5.สภาพตัวถังรถ
ยิ่งในช่วงที่เดินทางไกล ต้องจอดรถในที่ที่ไม่คุ้นเคยหลายครั้ง จะแน่ใจได้อย่างไรว่ารถยนต์สุดที่รักจะอยู่ในสภาพเดิม เพราะอาจจะมีรถหรือจักรยานยนต์มาเฉี่ยวชนรถเเละหลบหนีไปโดยที่คุณจับมือใครดมไม่ได้ ฉะนั้นทุกครั้งหลังจากนำรถใช้งานในระยะทางไกลควรตรวจสอบตัวถังว่ามีรอยบุบ หรือรอยเฉี่ยวชนใดๆ หรือไม่

6.ล้างรถ
ไม่จำเป็นว่ารถของคุณต้องขับฝ่าสายฝนหรือขับลุยโคลนเเล้วจึงค่อยล้างรถ เพราะการขับรถระยะไกลย่อมมีฝุ่นละอองจับเกาะที่ตัวรถของคุณ หากยังไม่มีการล้างรถฝุ่นเหล่านี้หากเกาะรถเป็นเวลานานก็อาจสร้างปัญหาให้กับสีรถในภายหลังได้เช่นเดียวกันครับ…

…………………………….
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ 
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ [email protected]