และแล้วก็กลับมาพบกันอีกเช่นเคย กับ “พรุ่งนี้กินไรดี” ที่จะพาทุกคนไปค้นหาความอร่อยทุกสัปดาห์ ซึ่งในวันนี้ จะขอพาไปตะลุยรสชาติเด็ดๆ กันที่ “ตลาดพลู” หนึ่งในตลาดที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคพี่น้องชาวจีนอพยพมาสมัยกรุงธนบุรี และตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ โดยเมื่อก่อนย่านนี้จะปลูกพลูเยอะ จึงเรียกติดปากว่า “ตลาดพลู” นั่นเอง

มาถึงตรงนี้แล้วเราก็อย่ารอช้า เริ่มความอร่อยร้านแรกกันที่ “สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู” ร้านข้าวหมูแดง หมูกรอบร้านดังในย่านนี้ที่เปิดมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี อยู่ริมทางรถไฟ สถานีตลาดพลู มีที่นั่งอยู่ไม่กี่ที่แต่ความอร่อยอัดแน่น โดยเฉพาะตัวน้ำราดที่หอม เข้มข้นดี และที่สำคัญ ไม่หวานเกินไป นอกจากนี้ที่ร้านจะมีซีอิ๊วหวาน และพริกน้ำส้มมาทานคู่กันด้วย

ต่อด้วย “กุยช่ายตลาดพลู หนุ่มผมยาว” เป็นร้านขายกุยช่าย ที่คนพูดถึงมากที่สุดร้านนึง เนื่องจากเอกลักษณ์ที่คนขายผมยาวสุดอินดี้แล้ว ที่สำคัญคือ ตัวแป้งที่บางและค่อนข้างหนึบ ขายวันละ 600 ลูกเท่านั้น! แต่แอบบอกก่อนนะคะว่าถ้าอยากมาลองลิ้มชิมรส ต้องมาต่อคิวล่วงหน้า ก่อนเวลา 12.30 น. เพราะคิวยาวมาก!

มาต่อกับอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาด “หมี่กรอบจีนหลี (เต็กเฮง)” ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านเก่าแก่มากๆ ตั้งแต่สมัย ร.5 สืบทอดมากว่า 4 ชั่วอายุคน หรือกว่า 130 ปีแล้ว โดยเมื่อครั้น ร.5 เสด็จฯ มาตามคลองบางหลวง เมื่อถึงตลาดพลู ทรงทราบกิตติศัพท์ว่า “จีนหลีผัดหมี่กรอบดีนัก ก็ทรงแวะที่ท่าน้ำตลาดพลู และรับสั่งให้ไปซื้อมาเสวย ทรงโปรดว่า อร่อยจริงดังคำเล่าลือ” จึงได้พระราชทานครุฑ เป็นร้านในพระองค์ ยังได้เคยเสด็จฯ มาเสวยที่ร้านด้วย และรับสั่งถามถึงสูตร หมี่กรอบว่ามาจากจีนไหหลำ พระองค์ท่านจึงพระราชทานชื่อให้ว่า “หมี่กรอบเสวยสวรรค์” ต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า “หมี่กรอบ ร.5” นั่นเองค่ะ ส่วนรสชาตินั้น ตัวหมี่ทางร้านจะค่อยๆ ผัดไปเรื่อยๆ จานนึงใช้เวลาเกือบ 10 นาทีในการผัดให้งวด และกรอบ ได้รสทั้งเปรี้ยวจากส้มซ่า ตัดกับรสหวานจากน้ำตาลปึก ผัดใส่กุ้ง ไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว มะนาว ทานกับผักชี กระเทียมโทนสับ ถั่วงอก และใบกุยช่าย ทานเพลินเลยทีเดียวค่ะ

เพิ่มความหนักท้องกันอีกนิดกับ “บะหมี่ตงเล้ง” เป็นอีกร้านที่เปิดมานานกว่า 60 ปี ส่งต่อมาถึง 3 ช่วงอายุคน จุดเด่นของร้านนี้คือ ทำบะหมี่ไข่เอง และใช้ไข่เป็ด ทำเองขายเองอย่างเดียว ซึ่งร้านตงเล้ง เป็นบะหมี่ที่เอาเครื่องของลูกชิ้นปลา เข้ามารวมกับเครื่องของบะหมี่เกี๊ยว คือมีทั้งลูกชิ้น ฮือก้วย แล้วยังมีหมูแดง หมูกรอบ และเกี๊ยวกุ้งด้วย แถมกลิ่นน้ำซุปยังส่งกลิ่นหอมเชิญชวนคนให้เข้ามานั่งทานอีกด้วยล่ะค่ะ

มาต่อร้านที่ 4 กับ “เจ๊บิ เปาะเปี๊ยะสด” เป็นอีกหนึ่งร้านรถเข็นในตลาดพลู ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2510 ความอร่อยของที่นี่คือเเป้งเปาะเปี๊ยะที่เหนียวนุ่มกำลังดี เครื่องแน่น ทั้งแตงกวา ถั่วงอก หมูตั้ง กุนเชียง เต้าหู้ ไข่ซอย หลังจากราดน้ำจิ้มแล้ว ก็ใส่กุนเชียง เต้าหู้ ไข่ซอย และเนื้อปู เพิ่มเข้ามาให้อีก ทำสดเเบบจานต่อจาน เวลาทานให้ทานกับพริกน้ำส้มหน่อย เพื่อมาตัดรสน้ำราดดี บอกเลยว่าฟินมากค่ะ!

ปิดท้ายด้วยของหวานวันนี้กับ “ขนมเบื้องสิรินทร์ทิพย์” การันตีความอร่อยที่ส่งต่อมาถึงรุ่น 4 เป็นกึ่งรถเข็น ที่อยู่ประจำ ไม่ย้ายไปไหน ราคาเพียงชิ้นละ 15 บาท มีให้เลือกทั้งไส้เค็มและหวาน ซึ่งจุดเด่นของขนมเบื้องจะไม่ค่อยกรอบเพราะใส่ไข่ ซึ่งไข่ที่ใช้เป็นไข่เป็ด โดยตัวไส้จัดมาแน่นมาก และไส้หวานจะใส่มะพร้าวแก้วด้วย

มาถึงตรงนี้แล้ว ขอบอกเลยว่าเป็นการตะลุย “6 ร้านตลาดพลู” ที่อิ่มและฟินไปความอร่อยมากๆ แถมราคาค่าเสียหายทั้งหมดก็ถูกกว่าที่คิดด้วยล่ะค่ะ!
สรุปค่าใช้จ่าย
ข้าวหมูแดง 2 จาน 84 บาท
กุยช่าย 40 บาท
หมี่กรอบ ร.5 260 บาท
บะหมี่ตงเล้ง 176 บาท
เจ๊บิ เปาะเปี๊ยะสด 50 บาท
ขนมเบื้องสิรินทร์ทิพย์ 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 692 บาท

ส่วนในสัปดาห์หน้า เราจะพาทุกท่านไปเฟ้นหาความอร่อยที่ไหนกันนั้น อย่าลืมติดตามได้ใน “พรุ่งนี้กินไรดี”… แล้วกลับมาพบกันนะคะ…

…………………………….
คอลัมน์ : “พรุ่งนี้กินไรดี”
โดย “น้องเผือกรสแซ่บ”