ชีวิตสุดรันทดของนางพี ด่านเกษม หรือ ยายพี อายุ 68 ปี หญิงชราป่วยหลายโรครุมเร้า เบาหวานขึ้นตาจนตามืดบอด 2 ข้าง ใช้ชีวิตลำพังในเพิงพักเก่าทรุดโทรม อยู่บริเวณป่ามันห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร เป็นถนนชนบทหมายเลข 3079 ฝั่งคลองรั้งมุ่งหน้ากรอกสมบูรณ์ ช่วงก่อนถึงแยกบ้านวังขอน ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ยายพีมีลูกชาย 2 คน หวังพึ่งพิงยามแก่เฒ่าก็สุดแสนจะลำบาก บางวันอดมื้อกินมื้อ บางวันก็ต้องทนกินข้าวบูดเพื่อประทังชีวิตในยามที่แร้นแค้น

ยายพี อาศัยอยู่ลำพัง มีสุนัข 3-4 ตัว เป็นเพื่อน ในบ้านที่สภาพเป็นเพิงพักเล็กๆ ความสูงแค่ 1.2 เมตร มุงหลังคาสังกะสีเก่าเป็นสนิม เป็นรูรั่ว ฝนตกแต่ละทีก็แทบไม่มีที่นอน ส่วนฝาบ้านก็ใช้ไม้อัดเก่า ป้ายไวนิลแปะ เวลาลมกระโชกแรงแต่ละครั้ง หลังคากับฝาบ้านก็แทบจะปลิว ตัวบ้านจะเดินเข้าออกแต่ละครั้งก็ต้องก้มศีรษะหมอบลง ในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟใช้ มีเพียงมุ้งเก่าๆ เตา และฟืน ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อน

ยายพี เล่าด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ว่า เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ตนกับสามีพาลูกชาย 2 คน มาจาก จ.สระแก้ว มาทำงานรับจ้างปลูกมันสำปะหลังและเฝ้าบ่อปลาให้อดีตกำนันที่นี่ ต่อมาสามีของตนได้เข้าป่าไปยิงสัตว์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่ได้กลับมาอีกเลย ซึ่งตอนนั้นลูกชายทั้ง 2 คน ก็ยังเล็กอยู่ ตนต้องเลี้ยงลูกมาตามลำพัง ซึ่งอดีตกำนันก็ใจดีให้ที่อยู่ที่ทำงาน พอเลี้ยงลูกได้จนโต

ลูกชายของตนทั้ง 2 คน คนโตชื่อ นายสุนี สร้อยทอง อายุ 46 ปี และคนเล็กชื่อ นายสุนันท์ สร้อยทอง อายุ 42 ปี เมื่อก่อนทั้งคู่ก็เป็นหนุ่มแข็งแรงกำยำ ช่วยกันทำมาหากินเป็นอย่างดี แต่ไม่นานมานี้ “สุนี” ลูกคนโต เกิดมาป่วยเป็นโรคเกาต์และโรครูมาตอยด์ มีอาการอักเสบตามข้อกระดูก มีก้อนเนื้อบวมปูด ปวดขาจนเดินไม่ได้ ต้องแยกไปนอนอยู่ในเพิงที่ทำไว้อีกหลัง

ส่วน “สุนันท์” มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับจ้างปลูกมันตัดมัน พอได้เงินมาซื้อข้าวซื้อน้ำกิน วันไหนไม่มีงานก็อดไป โดยจะออกไปรับจ้างครั้งหนึ่งก็จะประมาณ 2-3 วัน ถึงจะกลับมาบ้าน รายได้ก็มาจากลูกชายคนเล็ก ที่ออกไปทำงาน แล้วก็มี อสม.ชื่อเขียว ที่อยู่ลาดตะเคียน มาช่วยดูแลยายอีกคน จะคอยส่งข้าวมาให้ นำเงินคนแก่มาให้เดือนละ 600 บาท

“ตัวเองทุกวันนี้เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง มีโรครุมเร้าหลายโรค ทั้งความดัน เบาหวาน ช่วงปลายปี 64 ดวงตายังพอมองเห็นอยู่บ้าง จากนั้นก็เลือนรางมาจนถึงปัจจุบันมองไม่เห็นแล้ว หมอบอกว่าเบาหวานขึ้นตา เพราะไม่ได้ไปหาหมอต่อเนื่องตามที่นัด เพราะตัวเองยากจน ไม่มีเงิน ลูก 2 คนก็ยังลำบาก

ที่ผ่านมา สุนันท์ ลูกคนเล็ก ก่อนจะไปทำงานหาเงินก็จะหุงข้าวทอดไข่ไว้ให้แม่กับพี่ชาย แต่ 2 วัน ข้าวก็บูดแล้ว ยายก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องทนกินเพื่อให้ชีวิตรอดไปวันๆ บางครั้งยายก็อยากจะผูกคอลาโลกหลายครั้งแล้ว เพราะว่าจะไปไหนก็ไปไม่ได้ ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนี้แหละ”

ยายเข้าใจว่า ลูกคนเล็กต้องไปทำมาหากิน ส่วนลูกคนโต ก็มาล้มป่วยช่วยตัวเองก็ลำบาก บางวันก็ลุกขึ้นไม่ได้เลย ข้าวปลาไม่ได้กิน ไม่รู้เวรกรรมอะไรถาโถม ทุกวันนี้ยายอาศัยกินข้าวที่ อสม.ลาดตะเคียน ทำมาส่งให้ แต่เขาก็ไม่ว่างมาส่งทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ ยายอยากขอให้มีคนพาลูกชายคนโตไปรักษา และพายายไปรักษาดวงตาให้กลับมามองเห็น เพราะอยากจะช่วยลูกทำมาหากินอีกแรง จะได้ไม่ลำบาก

ด้าน นางบุญเรือน ดอกกระถิน หรือ พี่เขียว อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเป็น อสม. ตำบลลาดตะเคียน กล่าวว่า ตนคอยติดตามดูแลอาการป่วยของครอบครัวนี้มาตลอด แต่เนื่องจากอยู่กันคนละอำเภอ อาจจะมีปัญหาเดินทางมาดูแลไม่ได้ทุกวัน ตนก็มีแต่รถจักรยานยนต์ หากยายพีหรือลูกชายมีอาการเจ็บป่วยมากขึ้น ต้องประสานรถกู้ภัยฯ เข้ามาช่วยเหลือ บางครั้งต้องคอยมาดูแลเรื่องอาหารการกินให้ยายพี เนื่องจากลูกชายคนเล็กที่คอยทำกับข้าวให้กิน ต้องออกไปทำงานรับจ้าง บางวันก็ไม่ได้กลับมา ยายพีต้องทนกินข้าวบูดเพื่อประทังความหิว

เดิมทีเคยพายายพีไปอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อที่ตนเองจะได้ช่วยดูแลยามเจ็บป่วย แต่แกก็เป็นห่วงลูกชายทั้ง 2 คน ขอกลับมาอาศัยที่เดิม ทำให้การกินยารักษาโรคตาผิดเพี้ยนไป กินยาไม่ตรงตามหมอสั่ง จึงทำให้ยายพีมองไม่เห็น ตนก็อยากจะหาทางช่วยเหลือยายพีเท่าที่ตนจะทำได้ ก็หวังจะให้หน่วยงานเข้ามาช่วยแกรักษาดวงตา เพราะลูกชายคนโตแกก็ป่วยเดินไม่ได้ ทำมาหากินก็ไม่ได้ มีแต่ลูกชายคนเล็กที่ออกไปรับจ้าง ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถ้าแกสามารถรักษาดวงตาให้กลับมามองเห็นได้ ยังพอที่จะช่วยดูแลลูกชายคนโต และพอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง..

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา จ.ปราจีนบุรี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..