กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ขึ้นมาทันทีหลังผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้รับร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นางสาวเอ นามสมมุติ อายุ 37 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุพลัดตกรถเมล์ ขสมก. สาย 7 ก. ซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทาง ขสมก. แต่อย่างใด แม้จะมีการนัดไปเจรจาตกลงกันที่ สน.พระราชวัง มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าจนต้องมาร้องสื่อ

‘สาวตกรถเมล์’ ร้องคดีไม่คืบ บาดเจ็บ-เฉียดตาย แต่เจรจาจะจ่าย300บาท

‘ขสมก.’ ฮึ่ม สั่ง ผอ.เขตการเดินรถ เร่งประสานเหยื่อตกรถเมล์ไม่ได้รับการดูแล

ล่าสุด นางสาวเอ เผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์หลังไปร่วมเจรจารอบล่าสุดว่า “ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณเดลินิวส์ออนไลน์อย่างมากที่เรื่องราวร้องเรียนของหนู เพราะถ้าไม่มีสื่อมาช่วยนำเสนอข่าวให้ การเจรจาล่าสุดในวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาคงไม่มี ผอ.เขตการเดินรถที่ 6 และคณะ 3 ท่านมาร่วมฟังการเจรจาและนำดอกไม้มาขอโทษหนูอย่างเป็นทางการ จริงๆตลอดการสนทนาต้องพูดจากใจและสิ่งที่เกิดขึ้นว่าคุณวุฒิคนขับรถไม่ได้สำนึกผิดด้วยใจจริง เห็นได้จากท่าทางและการเถียงในความผิดของตนเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้รู้สึกว่าไม่โอเคมากๆ ซึ่งในการสนทนาทางประกันแจ้งว่าจากเอกสารและผลชันสูตรที่ออกมา บริษัทช่วยเหลือแค่ 1,500 บาท ซึ่งรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลและเหมือนถูกเอาเปรียบ ขณะเดียวกันคุณวุฒิเองก็แจ้งความประสงค์ว่ามีเงินชำระแค่หลักร้อยไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งหนูเข้าใจว่าเขาทำงานเงินเดือนไม่ได้มาก แต่นี่คือชีวิตหนู และยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าต่อจากนี้หนูจะมีอาการพิการจากการอาการชาที่ขาหรือไม่ เพราะในผลชันสูตรระบุแค่ว่าบาดแผลภายนอกและไม่สามารถประเมินความผิดปกติได้ ซึ่งไม่มีคนประกันได้ว่าจบคดีแล้วหนูจะพิการหรือมีปัญหาในการใช้ชีวิตในอนาคตไหม”

“ด้าน ขสมก. เองเบื้องต้นขอให้ลดจำนวนค่าสินไหมลง ลดแบบให้ลดเลย ทำเหมือนชีวิตคนมีราคาไม่มาก แต่หนูก็ลดให้ค่ะเพราะเข้าใจและไม่ได้มีเจตนาจะเรียกค่าเสียหายเขามากมายแต่หนูก็ต้องรักษาตัวในอนาคตเช่นกัน ควรจะคำนึงถึงความเหมาะสม เรื่องนี้หนูแจ้งทางครอบครัวแล้วและพ่อแม่ให้ความเห็นว่ากรณีนี้กลัวเหมือนการเจอจากจบ ไม่ได้รับผิดชอบอย่างจริงใจ หวังว่าเสียงเล็กๆของครอบครัวเราจะทำให้เขาได้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตของคนที่โดยสารรถสาธารณะต่อไปด้วยค่ะ”