เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 4 พ.ค.ร.ต.อ.ธนศักดิ์ พ้องเสียง รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน และปาระเบิดใส่บ้าน เลขที่ 2533 ในชุมชนโรงน้ำแข็ง หลังตลาดยิ่งเจริญ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. หลังรับแจ้งได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.ประทีป คำมี สวป.สน.บางเขน ร.ต.อ.ไพโรจน์ ปานเจริญ รอง สวป. ฝ่ายสืบสวน พร้อมประสานกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ร่วมตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณถนนในชุมชนหน้าบ้านเลขที่ 2533 พบวัตถุระเบิดลักษณะทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 นิ้ว พันด้วยเทปสีดำ ตกอยู่จำนวน 1 ลูก เจ้าหน้าที่ได้ใช้กรวยมาครอบไว้และกันพื้นที่โดนรอบ ห่างไป 3 เมตร พบร่องรอยการระเบิดอีก 1 จุด ทั้งนี้ภายในห้องนอนบ้านเลขที่ 2533 พบรูกระสุนปืนที่ฝาบ้าน 1 รู กลางที่นอนพบหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 หัว

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด ( EOD ) มาถึงได้ทำการเก็บกู้วัตถุดังกล่าวก่อนจะทำการแกะออกพบก้อนหินถูกบรรจุอยู่ภายใน ถุงพลาสติกใสมัดปากถุง จำนวน 9 ก้อน และมีส่วนผสมของดินปืนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามนางขวัญเรือน (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้านของตลาดยิ่งเจริญ ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนอนพักอยู่ในห้องนอน ซักพักแฟนได้มาเรียกแล้วถามว่าวัยรุ่นที่ไหนเข้ามาในซอยมีเรื่องอะไรกัน ตนบอกไม่รู้ จากนั้นก็เห็นหัวกระสุนปืนตกอยู่บนที่นอน และพบว่าข้างฝาเป็นรู ตนเองไม่เคยทะเลาะกับใคร

ด้าน นายแม็ค นามสมมุติ อายุ 17 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน เล่าว่า กลุ่มคนที่มาก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในซอยพหลโยธิน 52 ฝั่งตรงข้ามตลาด ซึ่งเคยมีเรื่องชกต่อยกันกับกลุ่มนายโอ๊ต เมื่อหลายปีก่อน สาเหตุมาจากมองหน้าไม่พอใจกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการท้าทายกันเป็นประจำ ซึ่งก่อนวันเกิดเหตุวันนี้ก็ยังทักมาท้าทายว่าจะมาแก้แค้น ซึ่งมีคนเห็นว่าขับรถมาไม่ต่ำกว่า 4 คัน รวมประมาณ 10 คน และมีการปาระเบิดที่ถนนหน้าบ้านเสียงดังสนั่น 2 ครั้ง แต่อีกลูกไม่ระเบิด จากนั้นมีการยิงปืนเข้าไปในบ้าน 4 นัด โชคดีวันนี้ตนไปนอนบ้านพี่สาวที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

อย่างไรก็ตามขณะเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน จับภาพกลุ่มวันรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์มาจำนวนหลายคัน ก่อนจะเดินเข้าไปในชุมชน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุและโดยรอบตลาด เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป