เมื่อวันที่ 9 พ.ค. จากกรณีนายวุฒิศักดิ์ หรือ ปุ่ง สมบัติ อายุ 39 ปี ระบุว่าขโมยบัตร ATM ของนางสมหวัง สมบัติ อายุ 70 ปี อยู่เลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.สะแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แม่ของตัวเอง แล้วแอบไปกดเงิน 109,000 บาท จากนั้นได้เอาไปหว่านกลางถนนหน้าตลาดสดเทศบาลสตึก เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ นางสมหวัง สมบัติ อายุ 70 ปี ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นิธิวัฒน์ คำนนท์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ช่วยติดตามเงินสดที่หายไปและอยากได้เงินที่คนเก็บไปกลับคืนมา

จนกระทั่ง พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธานี ผกก.สภ.สตึก ได้แจ้งเตือนผู้ที่เก็บเงินของนายปุ่งไปได้ให้เอามาคืนที่ สภ.สตึก เพื่อส่งคืนให้นางสมหวัง เจ้าของเงิน หากไม่คืนมีสิทธิโดนข้อหารับของโจร เนื่องจากเจ้าของเงินที่แท้จริงได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ซึ่งต่อมาได้มีคนเอาเงินมาคืน 2 ราย รายละ 1,000 บาท ส่วนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทราบว่า บริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่สามารถเปิดเข้าห้องควบคุมได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หยุดเสาร์-อาทิตย์ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด

ล่าสุดได้ทำการเปิดภาพวงจรปิดแล้ว พบว่านายปุ่ง ซ้อนรถจักรยานยนต์กับเพื่อน แต่งกายด้วยชุดขาว ทั้งหมวก เสื้อและกางเกง เป็นสีขาวทั้งหมด โดยได้เริ่มหว่านกลางถนนไม่กี่ใบ มีชาวบ้านที่อยู่ใกล้ 2 คน เดินไปเก็บ จากนั้นนายปุ่ง ได้เคลื่อนรถจักรยานยนต์ไปอีกมุมหนึ่ง แล้วทำการโปรยอีกครั้ง ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มรู้แล้ววิ่งกรูตามรถของนายปุ่ง ก่อนนายปุ่งจะโปรยเงิน ซึ่งคาดว่าเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 อีกก้อนหนึ่ง กระจายทั่วบริเวณ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่า ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าอยู่บริเวณนั้นเพราะสวมเสื้อกันเปื้อนขายของ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางสมหวัง อีกครั้ง ถามถึงความรู้สึกหลังจากเกิดเหตุ นางสมหวัง เล่าว่า ตอนนี้ยังเสียดายเงินที่ลูกชายเอาไปหว่านเล่น แต่ยังโชคดีที่เงินแยกบัญชีกัน เงินบัญชีที่ลูกชายเอาไปเป็นบัญชีเดียวที่มีบัตร ATM ตอนนั้นตนจะไม่ทำบัตร ATM แต่พนักงานธนาคารบอกว่า ทำแล้วจะสะดวกไม่ต้องขึ้นมาเบิก ตนจึงยอมทำบัตร แล้วเปิดบัญชีไว้จำนวนเงิน 110,000 บาท หักค่าบริการ ATM 1,000 บาท เหลือเงินในบัญชี 109,000 บาท เท่ากับลูกชายกดเอาเงินไปจนเกลี้ยงบัญชี คิดแล้วยังผวาไม่หาย หากมีเงินจำนวน 320,000 บาท อยู่ในบัญชีเดียวคือบัญชีนี้ ตนคงจะกลายเป็นคนหมดตัวทันที

ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธานี ผกก.สภ.สตึก กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดแล้ว ค่อนข้างชัดว่าเป็นใครบ้าง ที่ไปเก็บเอาเงิน ส่วนการดำเนินการจะเข้าไปแจ้งให้เอามาคืนก่อน แต่หากไม่มีใครเอามาคืน อาจจะดำเนินการตามความประสงค์ของเจ้าของเงิน