วานนี้ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นรายงานว่า เรจินัลด์ คาร์แมน วัย 23 ปี พนักงานขับรถและดูแลเครื่องฝาก-ถอนเงินสดอัตโนมัติของบริษัทรักษาความปลอดภัย ‘บริงก์’ กำลังโดนตั้งข้อหาจากศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐ และจะต้องขึ้นศาลเพื่อรับการพิจารณาคดี หลังจากที่เขาขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็ม 24 เครื่อง ในระยะเวลา 6 วัน โดยเขามาทำงานเป็นวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 64 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ที่เขาลงมือขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็มตามจุดต่าง ๆ 

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า คาร์แมน ขโมยเงินสดไปเป็นจำนวน 1,060,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36.7 ล้านบาท) จากสถาบันการเงิน 7 แห่ง ในระหว่างที่เขาทำงานเป็นพนักงานขับรถ ซึ่งให้บริการดูแลเงินสดในเครื่องฝาก-ถอนเงินสดอัตโนมัติ หรือตู้เอทีเอ็มไปด้วย

ตามบันทึกรายงานของศาล คาร์แมน ยอมรับต่อผู้จัดการภูมิภาคของบริษัทบริงก์ หลังจากที่เขาโดนจับได้ว่าเขาแอบขโมยเงินมาหลายครั้ง โดยเขาอ้างว่า พ่อของเขาเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ทำให้จิตใจของเขาสับสน จึงตัดสินใจขโมยเงิน แต่เขาไม่ได้นำเงินที่ขโมยไปใช้จ่าย

การสืบสวนเริ่มต้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค.65 ตัวแทนของหน่วยสินเชื่อสถาบันการเงินได้รายงานต่อกรมสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอว่า ตู้เอทีเอ็มของบริษัทมีเงินขาดหายไปประมาณ 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.64 เป็นต้นมา โดยบริษัทบริงก์เป็นผู้แจ้งมายังหน่วยสินเชื่อถึงจำนวนเงินของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ตรงกัน

ในวันถัดมา เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษคนหนึ่งกล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับผู้จัดการงานรักษาความปลอดภัยระดับภูมิภาคของบริงก์ และอีกฝ่ายได้รายงานว่าบริษัทของเขาก็กำลังสืบสวนเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น พร้อมทั้งระบุชื่อของ คาร์แมน ว่าเป็นพนักงานขับรถซึ่งเป็นผู้ดูแลตู้เอทีเอ็มเหล่านั้นด้วย

จากคลิปวิดีโอของกล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.64 มีภาพของ คาร์แมน กำลังใส่สิ่งของที่ดูคล้ายถุงใสที่เต็มไปด้วยเงินสดลงไปในกระเป๋าใสสำหรับใส่สัมภาระส่วนตัวของพนักงาน โดยกระเป๋าใสดังกล่าวเป็นเครื่องใช้ที่ทางบริษัทแจกจ่ายให้พนักงานเพื่อใส่อาหาร เครื่องดื่มและสัมภาระส่วนตัว กระเป๋าหรือถุงจะมีลักษณะใส มองเห็นสิ่งของภายในได้ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด

ต่อมาในวันเดียวกัน หลังจากที่ คาร์แมน กลับไปที่สาขาย่านแลนซิงของบริษัท เขาก็จอดรถ มองออกไปนอกหน้าต่าง หยิบกระเป๋าใสดังกล่าวและลงจากรถไป โดยนำกระเป๋าใบนั้นไปใส่ไว้ในรถอีกคันหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายรถเอสยูวีสีมืด ๆ จากภาพที่เห็น คาร์แมน ใช้สองมือหิ้วกระเป๋าซึ่งคาดว่าจะมีน้ำหนักมาก ในขณะที่ภาพจากคลิปช่วงก่อนหน้านั้น กระเป๋าดังกล่าวมีลักษณะเหมือนของน้ำหนักเบาและแทบจะไม่มีของบรรจุอยู่

เมื่อ คาร์แมน โดนสั่งให้นำเงินมาคืน เขาก็นำเงินมาคืนให้ประมาณ 650,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าทางบริษัทบริงก์ประเมินไว้ว่าขาดหายไป ในระหว่างการเรียกคุยเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา คาร์แมน กล่าวว่า เขาไม่ได้มองว่าตัวเองขโมยเงินและไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น แต่เขาก็ยอมรับว่า ใช้กระเป๋าใสของบริษัทเพื่อนำเงินออกมาและยังเซ็นชื่อในคำสารภาพของว่าเขาขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็ม 

ในขณะที่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ระบุว่า คาร์แมน คือผู้ต้องสงสัยขโมยเงินจากสถาบันการเงินมากกว่า 1 แห่ง ขณะที่เจ้าตัวออกปากว่า จำไม่ได้ว่าตัวเองขโมยเงินจากธนาคารไหนบ้าง ในระหว่างบันทึกการสนทนาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 เขายังนำเงินมาคืนอีกจำนวนหนึ่งและยอมรับว่าเขาทำผิดกฎหมาย อีกทั้งไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ลงมือทำเช่นนั้น และหยุดตัวเองไม่ได้ 

คาร์แมน เข้าพบเจ้าหน้าที่สืบสวนหลายครั้ง และในระหว่างการสืบสวน เขาก็จะนำเงินมาคืนเพิ่มเติมอีกเรื่อย ๆ ทีมสืบสวนเชื่อว่า คาร์แมน น่าจะขโมยเงินในช่วงวันที่ 15 พ.ย.64 จนถึงวันที่ 28 ธ.ค.64 ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินทั้งหมด 1,060,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36.7 ล้านบาท) และขณะนี้เขานำเงินมาคืนเพียง 1,037,940 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35.9 ล้านบาท) 

ด้านเจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่า เงินสดบางปึกที่คืนมานั้น ‘ไม่เต็ม’ และมีอยู่ 4 ปึก ที่ขาดหายไปรวมเป็นเงิน 3,720 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 128,860 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่รวมอยู่ในเงินที่หายไปทั้งหมด 22,260 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 771,086 บาท)

เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการรัฐตั้งข้อหาและฟ้องร้อง คาร์แมน ทั้งหมด 12 กระทง โดยเป็นความผิดเกี่ยวกับการขโมยทรัพย์สินของธนาคาร เขามีกำหนดการขึ้นศาลรัฐบาลกลางในวันที่ 28 มิ.ย. นี้

แหล่งข่าว : miamiherald.com

เครดิตภาพ : Getty Images