จากกรณีที่มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะด้วยคะแนนล้นหลาม ว่า จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน หากทำได้หมด 200 กว่าข้อ อำนาจก็ยิ่งกว่านายกฯ เสียอีก ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า เลือกไปแล้วก็ปฏิบัติตามที่เราคุยกันไว้ ตามที่ได้หาเสียงไว้ ถ้าทำไม่ได้ครั้งหน้า ประชาชนก็ลงโทษอยู่แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า การเลือกตั้ง ไม่ว่าในระดับใด จะไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตัวบุคคล แต่จะเป็น กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ถ้าเราสามารถทำให้ผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองต้อง ทำตามสิ่งที่หาเสียงไว้

วิธีการก็คือ ถ้าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ ก็อย่าเลือกในการเลือกตั้งครั้งหน้า การติดตามว่าผู้ได้รับการเลือกตั้งได้ทำตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการไปเลือกตั้งครับ

ดังนั้น การที่ท่านนายกรัฐมนตรี ฝากผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ว่า ทำให้ได้อย่างที่พูด และท่านรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานกล่าวว่า ขอผู้ว่าฯ กทม. ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ ทำไม่ได้ประชาชนจะลงโทษ จึงถูกต้องตามหลักการดังกล่าวอย่างยิ่ง

ประชาชนจึงต้องติดตามการทำงานของผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครคนใหม่ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เช่นเดียวกับที่ต้องติดตามการเลือกตั้งระดับชาติด้วยว่า พรรคที่เป็นรัฐบาลได้ทำตามนโยบาย หรือสัญญาที่หาเสียงไว้ในตอนเลือกตั้งหรือไม่

แล้วท่านคิดว่าพรรคการเมืองที่เป็นพรรครัฐบาล ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้แล้วหรือไม่? ตอนนี้เวลาผ่านไป 3 ปีกว่า และใกล้จะเลือกตั้งครั้งใหม่แล้ว นับว่าเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะช่วยกันประเมินผล เริ่มจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นว่าที่นายกฯ และเป็นพรรคของท่านรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานก่อนเลยครับ