เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ ลงพื้นที่ ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเพื่อนบ้านเปิดเสียงสัญญาณไซเรนดังรบกวน ภายในซอยลีลาวดี หมู่ที่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งมีบ้านปลูกชิดติดกันกว่า 50 หลัง

จากการสอบถามชาวบ้านรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า สำหรับบ้านที่เปิดเสียงสัญญาณดังรบกวนชาวบ้าน ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นคนนอกพื้นที่ ได้มาซื้อบ้านอยู่อาศัยกันสามคนพ่อแม่ลูก ซึ่งตั้งแต่เข้ามาอยู่ ก็ไม่ได้มาทักทายหรือทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านแต่อย่างใด ทั้งนี้ในซอยดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องกันอาศัยอยู่ในพื้นที่สืบทอดกันมา และไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อนรำคาญแต่อย่างใด

กระทั่งครอบครัวดังกล่าวได้มาซื้อบ้าน ก็เกิดเรื่องครั้งแรก โดยนำสุนัขตัวโตมาเลี้ยง เวลาล้างทำความสะอาดมูลสุนัข ก็ไม่เก็บกวาดให้เรียบร้อย ใช้วิธีฉีดน้ำทำความสะอาดและน้ำสกปรกไหลผ่านหน้าบ้านคนอื่น บางครั้งมีมูลสุนัขไหลมากองที่หน้าบ้านข้างเคียงและส่งกลิ่นเหม็น ก่อนที่ทาง อบต.ไสไทย เข้ามาแก้ไขโดยการทำลูกระนาดบนถนนกั้นน้ำให้ไหลลงในคูน้ำ ก่อนที่เรื่องจะจบไป

จากนั้นเกิดขึ้นอีก เมื่อเจ้าของบ้านรายดังกล่าว ได้ติดกล้องวงจรปิดและตั้งค่าเสียงไซเรนให้ดังตลอดเกือบทุกเวลา สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่เพื่อนบ้าน รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยข้างเคียง แม้ว่าจะมีคนไปบอกว่าให้ปิดเสียง เจ้าของบ้านก็ทำเมินไม่สนใจคำพูดของคนในชุมชน

ด้านนางหยำ รู้รอบ ยายวัย 87 ปี ได้รับความเดือดร้อนจากเสียงไซเรน เปิดเผยว่า เสียงเสียงไซเรนดังมาอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกัน 2 วัน 2 คืน ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนเกิดอาการปวดศีรษะ บางครั้งถึงกับเป็นลม เพราะบ้านหลังดังกล่าวอยู่ตรงข้ามกัน แต่โชคดี เมื่อคืนที่ผ่านมา หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ทำให้ไฟฟ้าดับ เสียงไซเรนจึงเงียบไปด้วย จากนั้นได้ให้ลูกหลานไปร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เพราะไม่กล้าไปพูด กลัวจะเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากก่อนนี้ก็มีปัญหาเรื่องขี้หมามาครั้งหนึ่งแล้ว ตนอยากให้เจ้าหน้าที่มาเป็นคนกลางช่วยแก้ปัญหา เรื่องจะได้ยุติและไม่บานปลาย ในขณะที่คนอื่นๆ ให้ข้อมูลลักษณะเดียวกันว่า เดือดร้อนรำคาญมาก

ขณะที่ จนท.ให้ข้อมูลว่า เสียงที่ดังรบกวนภายในซอยดังกล่าว จากการสอบถามและตรวจสอบพบว่า เป็นเสียงดังที่เกิดจากกล้องวงจรปิด ซึ่งทางเจ้าของได้มีการตั้งค่าไว้ให้ดัง คาดว่าจะเป็นช่วงที่ไม่มีคนอยู่ หลังจากนี้จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาทำการพูดคุยเจรจาให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวต่อไป เพราะเป็นการสร้างความรบกวนรำคาญให้กับคนอื่น