เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่รัฐสภา นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงผลการประชุม กมธ. ครั้งที่ 4/2565 สรุปใจความสำคัญ ในการพิจารณาเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) กมธ.ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 20 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 1 กระทรวงคือ กระทรวงการคลัง โดย กมธ.บางคนสอบถามเรื่องแนวทางในการจัดการกับผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนโดยเฉพาะในภาคใต้ เพราะส่งผลทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้นและทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมาก

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบฯ 66 วานนี้ ตนได้ซักถามกรมศุลกากร สังกัดกระทรวงการคลัง เพราะมีเรื่องผิดปกติในเอกสารรายการงบประมาณ คือค่าบำรุงรักษากล้อง CCTV ระยะเวลา 5 ปี จำนวน 670 ล้านบาท ที่ติดตั้งตามด่านศุลกากรทั่วประเทศ และค่าบำรุงเครื่องเอกซเรย์เพื่อคุมสินค้าเลี่ยงภาษี กว่า 2,000 เครื่อง โดยในเอกสารมีการตั้งงบฯล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากันในแต่ละปีกว่าร้อยล้านบาท ตนถามว่ารู้ได้ไงว่าในอนาคต กล้อง CCTV และเครื่องเอกซเรย์จะต้องเสียหายในจำนวนเงินที่เท่ากัน คาดว่าจะมีบริษัทเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่มีอิทธิพลในกรมศุลกากร ดำเนินการในเรื่องนี้ทั้งสิ้น ซึ่งทางอธิบดีกรมศุลกากร ได้ยืนยันว่า จะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่กรณีน้ำมันเถื่อนที่มีการระบาดทางภาคใต้ติดชายแดนมาเลเซีย มีการค้าน้ำมันเถื่อนกันอย่างโจ๋งครึ่มบริเวณอ่าวไทย ทาง กมธ.จึงได้ขอดูสถิติการปราบปรามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีความคืบหน้าอย่างไร ส่วนการประชุม กมธ. วันที่ 13 มิ.ย.เวลา 13.00 น. จะเป็นการพิจารณางบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนจะซักถามเรื่องการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการระดับ 9 ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯ ที่มี “เฮีย ซ.” มีชื่อคล้องกับเจ้าของร้านอาหารจีนชื่อดังย่านคลองสาน มีการวิ่งเต้นเรียกค่าตำแหน่งเป็นจำนวนถึง 8 หลัก ตนจะแฉให้หมดในวันดังกล่าว สื่อรอติดตามให้ดี.