เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. จากกรณีนางพิกุล อายุ 49 ปี ยายของ ด.ญ.เนย (นามสมมุติ) อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อ้างว่าหลานสาวถูกครูผู้ชายฝ่ายปกครองทำเกินกว่าเหตุ ใช้ฝ่ามือตบบ้องหู ต่อมานักเรียนหญิงคนดังกล่าวเกิดช็อกหมดสติ เพื่อนๆ นักเรียนขอให้ครูพาส่ง รพ. แต่ครูคนดังกล่าวขู่ห้ามพาไปและบอกว่าเด็กสำออย ก่อนที่เพื่อนๆ จะนำเด็กหญิงคนดังกล่าว พากลับมาส่งให้กับผู้ปกครองที่บ้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ยายร่ำไห้ร้องหลานป.6 ครูตบบ้องหูจนช็อก ฉุนเด็กจะไปซื้อของนอกรร.

ล่าสุดทาง ผอ.โรงเรียนฯ ได้เรียกทั้ง 2 ฝ่าย คือ ครู และผู้ปกครองของเด็กมาพูดคุยกัน โดยมีผู้ใหญ่บ้านและคณะครูหลายคนเข้าร่วมพูดคุยกัน เบื้องต้นครูผู้ชายฝ่ายปกครองคนดังกล่าว ยอมยกมือไหว้ขอโทษผู้ปกครองของ ด.ญ.เนย พร้อมผูกแขนเด็กนักเรียนหญิงเป็นเงิน 8,000 บาท และขอให้ผู้ปกครองไปถอนแจ้งความ

นางพิกุล กล่าวว่า ตอนแรกครูไม่ยอมมาคุยและไม่ยอมขอโทษ บอกแค่ว่าไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่สุดท้ายก็ยอมมาแสดงความรับผิดชอบและยอมผูกแขนเด็กเพื่อให้เรื่องมันจบ ส่วนตนเองก็จะไปถอนแจ้งความที่ สภ.บ้านดุง ในวันนี้ ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในโรงเรียนอีก หลานตนเองพ่อแม่แยกทางกัน แม่เขาเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ตนเองเลี้ยงหลานมาก็รักเหมือนลูก ครูไม่น่าพูดด่าแบบนี้ จะโกรธแค่ไหนก็ไม่ควรด่านักเรียนขนาดนี้ แต่ขอฝากถึงผู้บริหารอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก

ด้านนายประสิทธิ์ ไชยวงษ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 เปิดเผยว่า กรณีผู้ปกครองร้องสื่อครูทำร้ายนักเรียน ตนเองได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นจบกันแล้ว โดยทางครูยอมขอโทษผู้ปกครอง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด ครูแค่เอามือผลักและด่าเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่ทั้งสองฝ่ายก็พูดคุยเข้าใจกันแล้ว และได้สั่งให้ทาง ผอ.โรงเรียนดังกล่าวออกคำสั่งตักเตือนครูคนดังกล่าว อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก