เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นางเกษศิรินทร์ สุวรรณสุนทร ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบการแนะแนว สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา เข้าร่วมงานกิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาในคณะ/สาขาต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการศึกษาต่อ และเตรียมเข้าสู่อาชีพในอนาคต โดยเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมทั้งให้กำลังใจคณะครู ผู้บริหาร และนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมภายในงานณ หอประชุมโรงเรียนสตรีวิทยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ

เรื่อง การแนะแนวและการเติมเต็มคุณภาพผู้เรียน เพื่อฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ลดความเครียดและสุขภาพจิตผู้เรียน โดยกล่าวถึงการฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเรียนออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเด็กนักเรียนในระดับปฐมวัยให้เน้นที่พัฒนาการสมวัย ทางด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคม เด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาให้เน้นที่การอ่านออก เขียนได้ และระดับมัธยมศึกษาให้เน้นที่กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning รวมถึงลักษณะของงานแนะแนวทั้ง 5 บริการ ได้แก่ บริการศึกษานักเรียนรายบุคคลบริการสนเทศให้ความรู้ การศึกษา การเลือกอาชีพ การปรับตัว บริการให้คำปรึกษา ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจของการแนะแนว บริการจัดวางตัวบุคคลให้การดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม และบริการติดตามผล ครอบคลุมนักเรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักเรียนปกติ นักเรียนการศึกษาพิเศษ และนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ รวมถึงการลดปัญหาภาวะความเครียดของนักเรียน ครู ผู้บริหาร และผู้ปกครอง ผ่านระบบ School Health HERO ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ในด้านข้อมูลนักเรียน ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต ได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่มีผู้ใหญ่ให้ความสนใจในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนมีความกระตือรือร้น เกิดความใฝ่รู้ และเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อ และแนวทางในการเลือกประกอบอาชีพในอนาคต ผ่านทางนิทรรศการและการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ ได้แสดงออกผ่านการพูดคุยสอบถามอย่างอิสระ เป็นไปตามธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนสตรีวิทยา พร้อมเครือข่าย แสวงหาผู้เชียวชาญเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้เป็นอย่างดี  

“สิ่งที่ต้องชื่นชมก็คือผู้บริหารและครู ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละคนได้เรียนรู้ตามความฝัน ความสนใจ โดยแสวงหาโอกาส ความรู้ และประสบการณ์ เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้เลือกศึกษาต่อและประกอบอาชีพในอนาคตอย่างหลากหลาย ตามศักยภาพ ความชอบและความถนัดของตนเอง อีกทั้งการเติมเต็มคุณภาพนักเรียนด้วยเครือข่ายทั้งศิษย์เก่าและผู้ปกครอง ซึ่งมีความพร้อมในการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อการพัฒนาทุกๆ ด้านของโรงเรียนอย่างดียิ่ง สิ่งที่ขอฝากก็คือ เนื่องจากนักเรียนทุกคนมีความแตกต่างหลากหลาย และต่างก็มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้ ดังนั้นการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลจึงจะสามารถส่งเสริมและพัฒนานักเรียนได้เต็มตามศักยภาพ และสิ่งที่สำคัญคือ สามารถกำหนดเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนเห็นคุณค่าของประวัติอันยาวนานและเรื่องราวที่เต็มไปด้วยเกียรติยศของโรงเรียน ปลูกฝังให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเห็นคุณค่าจากอดีต เข้าใจปัจจุบัน นำมาปลูกฝังบ่มเพาะคุณลักษณะนักเรียนได้เป็นอย่างดี” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

โดยภายในงาน ได้มีการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการศึกษาต่อและอาชีพ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การจัดนิทรรศการเพื่อนำเสนอข้อมูลสารสนเทศ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาต่อ และการเชิญวิทยากรในสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการของนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงสังคมยอมรับว่าเป็นอาชีพที่มีความน่าเชื่อถือ อาทิวิศวกร ทนายความ ตุลาการ อัยการ ตำรวจ นักแสดง ติวเตอร์ เป็นต้น มาร่วมบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาในคณะ/สาขาต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนและผู้ปกครองเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการและเข้ารับฟังการบรรยายจากวิทยากรเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากรองเลขาธิการ กพฐ. มาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ เรื่อง “การแนะแนวและการเติมเต็มคุณภาพผู้เรียน เพื่อฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ลดความเครียดและสุขภาพจิตผู้เรียน” ร่วมกับ แพทย์หญิงกรมิกา สรรพวิทยกุลอาจารย์แพทย์สาขากุมารเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมบรรยายให้ความรู้กับตัวแทนนักเรียน ครู ผู้บริหาร และเครือข่ายผู้ปกครอง จำนวน 30 คน พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านสถานี OBEC Channel ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาทั่วประเทศ และประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้ารับชมโดยพร้อมกันอีกด้วย