หยางสีเจิ้น วัย 21 ปี โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเขตอัลตามอนเต สปริงส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย จับกุมในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและทำลายหลักฐานในคดี หลังจากที่เขาสังหาร ฟามยือกวิง ภรรยาตัวเองอย่างโหดเหี้ยม

เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ของหน่วยได้รับวิทยุแจ้งให้ไปตรวจสอบเหตุการณ์ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งบนถนนบัลลาร์ด เขตอัลตามอนเต สปริงส์ 

เมื่อทีมเจ้าหน้าที่ไปถึงอพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ พวกเขาก็พบร่างของ ฟาม นอนจมกองเลือดอยู่ในอ่างอาบน้ำ ลำคอด้านซ้ายของเธอมีรอยฉีกขาด ซึ่งทำให้เลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก และไหลไปรวมอยู่ที่บริเวณท้องของเธอ

ตำรวจแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ไปยังที่อพาร์ตเมนต์แห่งนั้น ซึ่งต่อมาก็ได้ประกาศว่าหญิงสาวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ฝ่ายตำรวจระบุว่า พวกเขาพบถุงมือยางสีชมพูบนพื้นคู่หนึ่ง และขวดน้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในที่เกิดเหตุ

หยาง ไม่ได้อยู่ในอพาร์ตเมนต์ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง แต่เขาปรากฏตัวขึ้นในเวลาไม่นานนักหลังจากนั้น และในระหว่างที่ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หยาง ยอมรับว่าเขาเป็นคนเชือดคอภรรยาเองด้วยความโมโห

สามีวัย 21 ปี บอกเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าก่อนที่เขาจะลงมือฆ่าภรรยา เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาควรจะหยุดตัวเองก่อนที่จะลงมือฆ่าเธอ แต่ก็ไม่ได้ทำ หยาง อ้างว่าเป็นเพราะเขาถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาว่า เมื่อคิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด

หลังจากที่ หยาง เชือดคอ ฟาม เขานำร่างของเธอไว้ในห้องน้ำ วางลงในอ่างอาบน้ำ เปิดเพลงโปรดของเธอพร้อมกับกุมมือเธอไว้เป็นเวลาประมาณ 10 นาทีเพื่อรอให้เธอตายสนิท จากนั้นเขาก็โทรฯ แจ้งเหตุฉุกเฉิน แล้วเช็ดเลือดของ ฟาม ออกจากผนังและพื้นห้อง

ต่อมา เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สอบปากคำเจ้านายของ หยาง ที่บริษัทให้บริการดูแลและทำความสะอาดสระน้ำ ได้ความว่า ในตอนเช้าของวันเกิดเหตุ เจ้านายของ หยาง ได้โทรศัพท์หาเขาเพื่อสอบถามเหตุผลที่เขาไม่มาทำงาน โดยหยางตอบว่า เขากำลังมีเรื่องกับภรรยา เพราะเธอนำพาสปอร์ตของเขาไปเผาทิ้ง เมื่อเจ้านายของ หยาง กล่าวตำหนิว่าเขาไม่มีความรับผิดชอบต่องาน หยาง ก็ได้ตอบเจ้านายไปว่า เขาเพิ่งทำฆ่าภรรยาตัวเอง

ก่อนหน้านี้ หยาง เคยโดนจับกุมในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัวเมื่อเดือนมกราคม 2565 ขณะนี้เขาโดนควบคุมเพื่อรอขึ้นศาลโดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวในวันนี้เป็นครั้งแรก และมีนัดครั้งต่อไปในวันที่ 2 ส.ค. ที่จะถึงนี้

แหล่งข่าวและเครดิตภาพ : nypost.com