สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) รายงานการสกัดกั้นอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 3 ลำ ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งมีทิศทางพุ่งตรงมายังแหล่งก๊าซธรรมชาติ “คาริช” ที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเครื่องบินเอฟ-16 สกัดโดรนได้ลำหนึ่ง ส่วนเรือรบที่ประจำการอยู่ในบริเวณนั้นพอดี ยิงโดรนอีกสองลำไว้ได้


ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนตึงเครียดอย่างหนักตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จากกรณีพิพาทเรื่องแหล่งก๊าซคาริช เมื่อเรือสำรวจของสหราชอาณาจักรซึ่งร่วมลงทุนด้านพลังงานกับอิสราเอล เริ่มภารกิจสำรวจพื้นที่ เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากเลบานอน ที่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ส่วนหนึ่งของการสำรวจด้วย ขณะที่รัฐบาลเทลอาวีฟยืนกรานว่า อาณาเขตทั้งหมดของแหล่งก๊าซคาริชอยู่ภายในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอิสราเอล และสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) รับรอง


ด้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ออกแถลงการณ์ ยืนยันการเป็นผู้ยิงโดรนทั้งสามลำจริง และภารกิจดังกล่าว “ประสบความสำเร็จ” โดยไม่มีการเอ่ยถึงการที่ไอดีเอฟสกัดกั้นโดรนทั้งสามลำ


อนึ่ง เลบานอนกับอิสราเอลเจรจาเรื่องน่านน้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2563 แต่กระบวนการหลังจากนั้นไม่คืบหน้า จากการที่รัฐบาลเบรุตเสนอให้มีการปรับแผนที่ จากเดิมซึ่งกำหนดน่านน้ำอาณาเขตของเลบานอนไว้ที่ 860 ตารางกิโลเมตร ทว่ารัฐบาลเบรุตต้องการเพิ่มเติมอีก 1,430 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะรวมถึงพื้นที่บางส่วนของแหล่งก๊าซคาริช


ในทางทฤษฎีถือว่าอิสราเอลและเลบานอนยังมีสถานะเป็นประเทศคู่สงครามต่อกัน เนื่องจากการสู้รบครั้งใหญ่ ที่ยาวนานประมาณ 1 เดือน เมื่อปี 2549 ไม่ได้ยุติด้วยข้อตกลงสันติภาพ


อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าในความเป็นจริง การสู้รบครั้งนั้น คือสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์มากกว่า และทั้งสองฝ่าย “สงบศึก” ตามคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) และต่อมาทหารรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตามแนว “เส้นสีน้ำเงิน” ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน.

เครดิตภาพ : Israel Defense Forces