เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย อันเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตาม มาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 พร้อมกับมีการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนหย่อมและทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นอำนาจโดยชอบตาม มาตรา118 ทวิ แห่งกฎหมายเดียวกันที่กรมเจ้าท่าใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยออกไปภายใน 30 วัน ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว             

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เฉกเช่นเดียวกันกับกรณีของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงร้องเรียนขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และมีมติส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไปด้วย

นายศรีสุวรรณ ยังเกล่าวอีกว่า นอกจากนั้นจะยื่นคำร้องเรื่องที่บริษัท IRPC ได้ยึดถือครอบครองที่ดินของประชาชนกว่า 22 ไร่   ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของตนในจังหวัดระยอง ทั้งๆ ที่สภาตำบลบ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง ได้มีมติโดยชอบแล้ว แต่กลับไม่ยินยอมให้กรมที่ดินเข้าไปตรวจสอบเพื่อรังวัดสอบแนวเขต ตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี อันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา 157 และหรือการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จึงจำเป็นต้องร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป.