เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึง กรณีที่ไปลงพื้นที่ติดตามการเก็บขยะของ กทม. ว่า ปกติขยะสำหรับเราเหมือนของวิเศษ คือ ทิ้งไว้ตอนเช้าก็หายไปหมด ไปไหนก็ไม่รู้ จริงๆ เราพอรู้เส้นทางแต่ไม่เคยเดินทางไปกับรถเขา บางทีตอนเช้าๆมาเราก็จะเห็นคนแยก คิดว่าการเก็บขยะที่รวมกันมาแล้วมาแยกขยะที่ท้ายรถทำให้เสียเวลามาก หากมีการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางจะทำให้เขาแยกได้เร็วขึ้น และรถอาจจะหมุนเวียนมาเก็บขยะได้มากขึ้น จาก 1 รอบ เป็น 2-3 รอบได้ นอกจากนี้ พนักงานที่มาเก็บขยะจะได้มีความปลอดภัยจากการใช้มือคัดแยกขยะด้วย

สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการขยะ เบื้องต้น คือ เราสามารถแยกขยะได้หรือไม่ จะจัดการขยะรีไซเคิลอย่างไร รวมถึงอุปกรณ์คนเก็บขยะ การดูแลสวัสดิการคนเก็บขยะต้องดูแลให้เหมาะสม แต่ละคนทำงานหนัก อย่างคนขับรถ (พขร.) เมื่อคืน เงินเดือนหมื่นกว่าบาท ทำงานเหนื่อยและมีความเสี่ยงเยอะ

อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่เมื่อคืนได้เห็นภาพรวมว่า ขยะไม่ใช่ของวิเศษ มีที่มาที่ไป ต้องมีคนพาไปถึงปลายทาง ดังนั้น เราต้องพยายามลดขยะลง พยายามเอากลับมาใช้ใหม่ เริ่มจากต้นทาง จะเป็นภาระให้น้อยลง ที่มาขยะหลักๆ เช่น คอนโดฯ โรงแรม ตลาดสด

“อยากให้ทุกคนตระหนักว่าขยะเป็นปัญหาใหญ่ของเมือง เราต้องช่วยกัน การแยกขยะทุกเมืองทำ เราต้องเริ่ม อาจจะเริ่มที่เขตก่อน  อย่างที่บอกกรุงเทพฯ ปัญหาเยอะ แต่มันซ้ำ หากทำได้ที่เขตใดเขตหนึ่งสามารถนำไปพัฒนาต่อได้” นายชัชชาติ กล่าว

เมื่อถามถึงค่าเสี่ยงภัยให้กับพนักงานเก็บขยะ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงต้องให้ทุกคน ทั้งพนักงานกวาดถนน พนักงานเก็บขนมูลฝอย พนักงานระบายน้ำที่ลงไปในท่อ ขณะนี้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างดูรายละเอียดในการปรับระเบียบตรงนี้อยู่

“คงดูแลหมด เพราะทุกคนก็มีความเสี่ยง เช่น พนักงานระบายน้ำที่ลงไปอยู่ในท่อ ก็มีทั้งเชื้อโรค น้ำแรงมีโอกาสจมน้ำ หรือพนักงานกวาดมีโอกาสรถชน เมื่อวานก็มีคนถูกไม้ทิ่มมือไปรักษาที่ รพ.ราชพิพัฒน์ ดังนั้นคงต้องดูแลให้เหมาะสมเพราะเขาก็เป็นคนสำคัญของเราที่ดูแลความสะอาดบ้านเมือง” นายชัชชาติ กล่าว