เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) นายธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที ) นัดหารือ กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC โดยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC และผู้เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยใช้เวลาในการหารือกันประมาณ 45 นาที

นายธงทอง กล่าวว่า ประเด็นในการหารือร่วมกับ บมจ.บีทีเอสซี เกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีดังนี้  1. เคที แจ้งให้ทาง บีทีเอสซีทราบคือเรื่องการเปิดเผยสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับ กทม. ในฐานะผู้ถือหุ้น เคที ร้อยละ 99.98 ส่วน กทม.เมื่อได้รับข้อมูลไปแล้ว ก็เป็นส่วนที่ กทม.จะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ บีทีเอสซี ได้ฝากข้อสังเกตถึง กทม.ว่า หากมีการเปิดข้อมูลให้เป็นบรรทัดฐาน ความเท่าเทียม กับบริษัทอื่นใดที่ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกันซึ่งมีการเปิดเผยอยู่

2. เรื่องคดีความที่ค้างอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งบีทีเอสซี ฟ้องเรียกร้องค่าจ้างเดินรถในสัญญาที่ค้างจ่ายอยู่ ในส่วนของคดีความก็ให้เดินไปตามกระบวนการ ขณะเดียวกัน เคที และบีทีเอสซี จะเจรจา เรื่องตัวเลขหนี้สิน วิธีการต้องชำระอย่างไร หากได้ข้อยุติก็ไม่จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุด เพราะใช้เวลานานหลายปี ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ และหากเจรจาตกลงกันได้ก็อาจจะมีการถอนฟ้อง ทำให้คดียุติได้ จึงเสนอให้แต่ละฝ่ายตั้งคณะทำงานขึ้นมาเจรจา

โดยประเด็นที่จะพูดกัน อาทิ ตัวเลขในสัญญาจ้างเดินรถถึงปี 2585 ที่มีการตั้งสมมุติฐานเมื่อ10 ปีที่แล้ว ต้องมาทบทวนว่าปัจจุบันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่, ค่าโฆษณาบนตัวรถไฟฟ้า ยังไม่มีการระบุ หรือพูดถึงในสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งส่วนต่อขยาย 1 และ 2 หากเราหยิบเรื่องนี้มาศึกษา มาพูดคุยกันจริงจัง จะมีนัยอะไรบ้างสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในสัญญา

3. เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป วิธีการเข้าออกสถานี รวมถึงวิธีการชำระเงิน จะต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาพการทำงานในปัจจุบันหรือไม่ รวมถึงทำพิจารณาการที่ส่วนต่อขยายเป็นการนำผู้โดยสารจากชานเมืองเข้ามาสู่ระบบหลักหรือส่วนไข่แดง ซึ่งเป็นรายได้หลักของบีทีเอสซีเป็นประเด็

และ 4. ความยาวของสัญญาจ้างเดินรถที่ยาวถึงปี 2585 หากมีการทบทวนพูดคุยกันด้วยเหตุและผล บีทีเอสซีก็พร้อมที่จะพูดคุย

นายธงทอง กล่าวอีกว่า กรรมการฯ จะดูภาพรวมใหญ่ ทิศทางความสมเหตุสมผล ส่วนการศึกษารายละเอียด เคทีจะจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือขัดแย้งกัน 

อย่างไรก็ตาม การพบกันครั้งแรกนี้ถือเป็นสัญญาณมุมบวก และเป็นข่าวดีของทั้ง 2 ฝ่าย แทนที่ต่างคนต่างคิด แต่มาคุยกัน มาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้คาดว่าภายใน 45-60 วัน จะได้บริษัทที่ปรึกษา คงทำให้เราได้ข้อมูลที่รอบคอบ มาประกอบการทำงานของเราต่อไป