สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ต้อนรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่ทำเนียบ ปาแลเดอเลลีเซ ในกรุงปารีส เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา


ทั้งนี้ การเสด็จเยือนฝรั่งเศสของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ซึ่งทรงถือเป็น “ผู้ปกครองโดยพฤตินัยแห่งราชอาณาจักร” เกิดขึ้นหลังมาครงเยือนเมืองเจดดาห์ เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว และเพียง 2 สัปดาห์ หลังการเยือนซาอุดีอาระเบียของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งหวังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลริยาด หลังสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ รวมถึงราคาน้ำมัน ส่งผลให้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกพยายามซ่อมแซมความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย แม้กล่าวหาเจ้าชายโมฮัมเหม็ด “ทรงอยู่เบื้องหลัง” การเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลริยาด เมื่อปี 2561

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ถ่ายภาพคู่กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ภายในทำเนียบ ที่กรุงปารีส


แม้ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลปารีสให้ข้อมูลว่า มาครงหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย นอกเหนือจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่สหรัฐและรับบาลเตหะรานยังคงพยายามเจรจากันใหม่ และแนวทางการผลิตน้ำมันขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ( โอเปก ) ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นหัวเรือใหญ่

อนึ่ง ฝรั่งเศสถือเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่อันดับต้นให้แก่ซาอุดีอาระเบีย ทว่าเผชิญกับแรงกดดันจากหลายฝ่ายมากขึ้น เพื่อให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว หลังซาอุดีอาระเบียเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามในเยเมน ตั้งแต่ปี 2558

ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล ( แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ) วิจารณ์การที่มาครงต้อนรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด “อย่างอบอุ่น” ว่าเป็น “การสร้างความชอบธรรม ให้กับการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง” อย่างไรก็ตาม ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่ “สำคัญเกินกว่าจะเพิกเฉยได้”.

เครดิตภาพ : REUTERS