เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า 8 ปี ภายใต้ระบอบการเมืองแบบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งใช้อำนาจที่ยึดมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศ 4 ปี กว่า แล้วจัดแจงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับ “เผด็จการอุ้มสม” โดยอาศัยฐานอำนาจของ 3 ป. ทั้งส่วนของกลุ่มทุน ทหาร ข้าราชการเกษียณ จัดการเลือกตั้ง สร้างกลไก ส.ว. และพรรคการเมืองบางส่วนที่ไร้อุดมการณ์ กลับคำที่ให้ไว้กับประชาชน ยกมือยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจทุกข์ยากของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่ไม่เคยฟังเสียงประชาชน ไม่เคยมีนโยบายที่สร้างความหวังให้ประชาชนและประเทศชาติ จะมีแต่มาตรการเจียดเงินมาจ่ายแจกทีละน้อย คิดแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบ “ปัดปัญหาออกพ้นตัว” มากกว่าการดำเนินนโยบายที่ส่งผลเชิงโครงสร้าง และภาพรวมของการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเหลื่อมล้ำซึ่งส่งผลในระยะยาว การครองอำนาจยาวนาน 8 ปี ภายใต้ฐานอำนาจ ฐานทุนที่จับมือร่วมกัน เป็นการบริหารที่สร้างผลประโยชน์ผูกขาดอย่างมหาศาลให้ประยุทธ์และพวกพ้อง เป็นการบริหารประเทศโดยผู้นำที่ขาดคุณสมบัติทุกประการ ทั้งความรู้ วิสัยทัศน์ มารยาท วุฒิภาวะทางอารมณ์ และความชอบธรรม

นายภูมิธรรม กล่าวว่า 8 ปีภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เราได้เห็นการทำสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก แบบหน้าไม่อาย ทำลายหลักนิติธรรม นิติรัฐ เพียงเพื่อให้ตัวเองและพวกยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้ พร้อมกับสกัดกั้นกลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างในทุกรูปแบบ วันนี้เราจึงได้เห็น วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชน และหลักการประชาธิปไตย กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ซ่อนเร้นอำนาจและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และพวกร่วมกันออกแบบ แก้ไข เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ จนไม่คำนึงถึงหลักการใดๆ ทั้งที่รัฐธรรมนูญในประเทศประชาธิปไตยทั่วไปเป็นกฎหมายสูงสุด ใช้เป็นหลักในการปกครองของทุกประเทศ โดยให้เกียรติให้คุณค่ากับประชาชน เห็นประชาชนเป็นใหญ่ และต้องออกแบบให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน

ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงเป็นเสมือนหลักยึด เพื่อให้เกิดระบบการเมืองที่สร้างสมดุลและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพตลอดจนผลประโยชน์ของทุกคนในสังคม แต่สำหรับรัฐธรรมนูญประเทศไทย ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยกมือยิ้มร่ายอมรับว่าเป็นผู้นำรัฐประหารอย่างหน้าชื่นตาบาน นอกจากจะยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ยังสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะควบรวม ครอบอำนาจกลับมาไว้ที่ตนเองทั้งหมด ไม่เคยตระหนักรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกขมขื่นแค่ไหน ไม่เคยรู้ว่าสังคมโลกมองผู้นำประเทศไทยอย่างไร เพราะผู้นำคนนี้ ไร้สำนึกรู้ถึงความน่าละอายของการทำรัฐประหาร ที่เป็นต้นเหตุฉุดรั้งประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม ให้ตกต่ำถึงขีดสุด ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้ จึงไม่ได้ทำเพราะผลประโยชน์ประชาชน แต่ใช้อำนาจ สั่งการแก้ไขเพื่อให้ตนและพวกพ้องอยู่ในอำนาจได้ยาวนานที่สุด ทำให้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ขาดความน่าเชื่อถือ ไร้หลักการประชาธิปไตย

ประเทศไทย รัฐบาลไทย รัฐสภาไทย เราเดินมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร คำตอบ คือ เพราะ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นกล้ากระทำการทุกเรื่องที่ผิดหลักการ ผิดกติกาได้เพราะถือดีว่าพวกตนยึดกุมและควบรวมอำนาจการปกครองในประเทศไว้เพียงกลุ่มเดียว ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำได้ไม่เกรงกลัวใคร เนื่องจากมีกลไก ส.ว. 250 คน ล้วนเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาและพวกพ้อง กำหนดให้มีอำนาจล้นพ้น สามารถควบคุมกติกา กำหนดตัวนายกฯ และทำทุกอย่างตามใบสั่ง โดยไม่ได้ตระหนักและคำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่ง ส.ว. แต่ทำให้กลายสภาพจากที่ปรึกษาในสภาฯ มาเป็นลิ่วล้อหุ่นยนต์ ยกมือเพื่ออุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว แม้แต่การครองอำนาจของนายกฯ ซึ่งเคยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกว่าให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งต่อเนื่องได้ไม่เกิน เวลา 8 ปี ทว่ามาวันนี้ ซึ่งใกล้จะครบกำหนดการครองอำนาจ 8 ปีของนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เริ่มมีท่าทีจะอยู่ในอำนาจต่อเนื่องต่อไปอีก โดยไม่สนใจกรอบกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่สร้างขึ้นมากันเอง การครองอำนาจบริหารประเทศจนจะครบ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่การทำลายความมั่งคงของประเทศ ทำลายความหวังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทำลายเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ทำลายหลักนิติธรรมนิติรัฐ ทำลายโอกาสของประเทศ และอื่นๆ อีกมากมาย

“วันที่ 23 ส.ค.นี้ ในโอกาสที่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จะครองอำนาจครบ 8 ปี ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันจับตามอง และเฝ้าระวังการสืบต่ออำนาจของนายกฯ และพวกพ้อง เราจะได้รู้กันว่ามีใครเป็นผู้สนับสนุน เป็นเนติบริกร เป็นผู้คุ้มครอง สร้างเงื่อนไขและโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป โดยไม่รู้จักอายและไม่สนใจว่ากำลังย่ำยีหลักการกติกาในรัฐธรรมนูญซ้ำๆ เป็นครั้งที่เท่าไร อย่าลืมว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก แต่เป็นของประชาชนไทยทุกคน ถึงเวลามียางอายคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน” นายภูมิธรรม กล่าว.