เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีนายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาการลงมติให้ความเห็นชอบการตัดลดงบประมาณตามที่คณะอนุกรรมาธิการ 9 ชุด เสนอมา โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การพิจารณารายการของคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ที่เสนอตัดลดงบประมาณการจัดซื้อเครื่องบินโจมตี F-35A จำนวน 2 ลำ (เครื่องเปล่า ไม่มีอาวุธ) ระยะที่ 1 วงเงิน 738 ล้านบาท แต่กองทัพอากาศ (ทอ.) ขออุทธรณ์งบประมาณเหลือ 369,134,500 บาท ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ดังกล่าว

โดยที่ประชุม กมธ.งบประมาณชุดใหญ่พิจารณาและลงมติเห็นด้วยกับการอุทธรณ์ของกองทัพอากาศด้วยคะแนน 45 ต่อ 22 งดออกเสียง 1 ทำให้กองทัพอากาศได้รับงบประมาณ 369,134,500 ล้านบาท ตามที่อุทธรณ์มา เพื่อจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A

ขณะเดียวกันที่ประชุม กมธ.ยังเห็นด้วยการอุทธรณ์ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขออุทธรณ์งบประมาณ 171.6 ล้านบาท ด้วยคะแนน 38 ต่อ 24 งดออกเสียง 1 เพื่อนำไปก่อสร้างโรงงานผลิตวัตถุระเบิด ที่ จ.ลพบุรี ส่วนการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการอื่นๆ อีก 8 ชุดนั้น ส่วนใหญ่ กมธ.ชุดใหญ่ เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณตามที่มีการเสนอมา

ต่อมาเวลา 13.40 น. ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 แถลงกรณีที่ประชุม กมธ.งบประมาณฯ ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 45 ต่อ 22 งดออกเสียง 1 ให้กองทัพอากาศได้รับงบประมาณ 369 ล้านบาท นำไปจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 2 ลำ ระยะที่ 1 ว่า เป็นการใช้เสียงข้างมากลากไป เรื่องนี้มีการล็อบบี้คะแนนแน่นอน โดย “ลุงที่อยู่ในป่า” ไม่เช่นนั้นคะแนนคงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้

“พวกผมในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยจะขอสงวนความเห็นไปอภิปรายต่อในวาระ 2-3 เพื่อคัดค้านการซื้อเครื่องบินขับไล่ดังกล่าว เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และจะเป็นภาระงบประมาณประเทศไปอีก 10 ปี ที่จะต้องเสียงบประมาณอีก 40,000 กว่าล้านบาท เพื่อไปจัดซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นดังกล่าวให้ครบฝูงบิน เอาแค่การขึ้นบินก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย 1,300,000 บาทต่อชั่วโมง เทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนไม่มีกิน จะมีเหตุผลอะไรไปซื้อเครื่องบินที่ขณะนี้ยังเป็นแค่เครื่องเปล่า ไม่มีอาวุธ แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เห็นอาวุธสำคัญกว่าปากท้องประชาชน” นายยุทธพงศ์กล่าว.