ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี ทีมแชมป์เก่า เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ บอร์นมัธ ทีมน้องใหม่ โดยเกมในครึ่งแรกเป็น “เรือใบสีฟ้า” ที่ครองเกมเหนือกว่าเยอะ และยิงนำห่างถึง 3-0 โดยได้จาก อิลคาย กุนโดกัน นาทีที่ 19 เควิน เดอ บรอยน์ นาทีที่ 31 และ ฟิล โฟเดน นาทีที่ 37

เข้าสู่ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นยังเดินเกมบุกได้ต่อเนื่อง และมายิงเพิ่มได้อีก 1 ประตูจากการสกัดเข้าประตูตัวเองของ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ในนาทีที่ 79 เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม แมนฯ ซิตี ชนะ 4-0 เก็บ 6 คะแนนแต้มจาก 2 นัด รั้งจ่าฝูงของตาราง ส่วน บอร์นมัธ เตะ 2 นัดมี 3 คะแนน

ด้าน อาร์เซนอล เปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี โดยครึ่งแรก “ปืนใหญ่” เจ้าถิ่นขึ้นนำก่อน 2-0 จากการเหมาคนเดียวของ กาเบรียล เชซุส นาทีที่ 19 และ 31 เข้าสู่ครึ่งหลัง ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-2 นาทีที่ 53 จากการโหม่งสกัดเข้าประตูตัวเองของ วิลเลียม ซาลิบา

ถึงนาทีที่ 55 กรานิต ชากา ซัดให้ “ปืนใหญ่” หนีเป็น 3-1 แต่ “จิ้งจอกสยาม” ไม่ยอมง่าย ๆ ไล่มาเป็น 2-3 จากการยิงของ เจมส์ แมดดิสัน นาทีที่ 75 แต่แค่นาทีถัดมา กาเบรียล มาร์ติเนลลี ยิงประตูย้ำชัยชนะให้ อาร์เซนอล คว้าชัย 4-2 เก็บ 6 คะแนนเต็มจาก 2 นัด รั้งอันดับ 2 ของตาราง ส่วน เลสเตอร์ เตะ 2 เกมมี 1 คะแนน

ผลคู่อื่น แอสตัน วิลลา ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1, ไบรท์ตัน เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0, เซาแธมป์ตัน เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เสมอ ฟูแลม 0-0

เครดิตภาพ : REUTERS