เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายจตุพล สุวรรณปักษา อายุ 53 ปี เจ้าของรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน กน-1318 พระนครศรีอยุธยา ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า รถกระบะของตนได้ถูกคนร้ายขโมยไป ขณะที่พี่ชายนำรถไปเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนกับร้านค้าที่เปิดให้บริการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน อยู่ที่ริมถนนสายเอเชีย ขาขึ้น ในช่องทางคู่ขนาน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 20 หมู่ 1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเสร็จพี่ชายได้เดินไปที่รถของแม่ค้าที่รับเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน เพื่อจ่ายเงินและขอใบเสร็จ โดยติดเครื่องยนต์ทิ้งเอาไว้ จังหวะนั้นคนร้ายได้ขึ้นไปนั่งบนรถแล้วค่อยๆ ถอยรถ แม่ค้าขายเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนได้ถามว่ามีใครอยู่ในรถหรือไม่ พี่ชายตนตอบไปว่าไม่มี ก่อนจะหันมาอีกทีคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปด้วยความเร็วทันที เกือบจะชนพี่ชายตนและแม่ค้าที่ยืนอยู่ใกล้กับรถ

นายจตุพล กล่าวต่อว่า ในรถยังมีทรัพย์สินเป็นกระเป๋าเงินข้างในมีบัตรและเอกสารต่างๆ และเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น พี่ชายของตนเกิดความเครียด เพราะรถคันนี้เป็นรถที่ต้องไว้ทำมาหากินใช้มานานแล้วและผูกพันเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่ามาจอดรถเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทั้งที่รถก็อยู่ไม่ห่างกับตัว และเป็นช่วงกลางวัน คนร้ายยังกล้ามาขโมยขับรถหนีออกไป ตอนนี้ตนได้นำภาพถ่ายของรถกระบะโพสต์ลงในโซเชียลเพื่อให้ช่วยตามหาและติดตามคนร้าย พร้อมทั้งไปแจ้งความไว้ที่ สภ.อุทัย เพื่อให้ติดตามหารถและคนร้ายแล้ว

ด้าน น.ส.สายทอง ทับทิม อายุ 42 ปี แม่ค้าให้บริการเปลี่ยน ที่ปัดน้ำฝนรถยนต์ บอกว่า ขณะนั้นผู้เสียหายได้มาจอดรถอยู่บริเวณท้ายรถของตนและได้ให้ตนเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนให้ โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นผู้เสียหายก็มาจ่ายเงินแล้วรอใบเสร็จ โดยรถก็ยังติดเครื่องอยู่ และติดฟิล์มกระจกดำรอบด้าน โดยไม่เห็นคนข้างในเลย ตนกำลังเขียนใบเสร็จอยู่ก็เห็นรถถอยหลังขยับแล้วกำลังจะเดินหน้า จึงถามเจ้าของรถว่ามีใครอยู่ในรถไหม เจ้าของรถตอบว่าไม่มี แล้วรถก็ขับขึ้นบนถนนอย่างรวดเร็ว แล้วขับรถหลบหนีขึ้นไปทาง จ.อ่างทอง ตนก็ไม่เห็นความผิดปกติว่ามีใครแอบอยู่ตรงไหน ตนมาจอดรถให้บริการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน อยู่บริเวณนี้มา 2 ปีแล้วไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังจากนี้ถ้าลูกมาเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน จะต้องคอยบอกให้ลูกค้าดับเครื่องทุกครั้งและล็อกรถ เพื่อความปลอดภัย.