เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-13 บูสเตอร์โด๊ส หรือเข็ม 3 แก่บุคลากรทางการแพทย์ ด่านหน้า รวมถึงการทยอยจัดส่งวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ ไปยังต่างจังหวัด ซึ่งมีเสียงสะท้อนว่าบางแห่งได้รับน้อยกว่าที่แจ้งความประสงค์ ว่า การฉีดวัคซีนให้บุคลากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ล่าสุดในวันนี้ กรณีวัคซีนของแอสตราเซเนกาเพิ่ม 900 เข็ม ซึ่งหากรวมนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 พบว่ามีผู้ที่รับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้ว จำนวน 182,082 ราย กรณีวัคซีนของไฟเซอร์ ตอนนี้มียอดรวมอยู่ที่ 39,483 ราย โดยเฉพาะที่ฉีดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวน 23,481 ราย  ส่วนการจัดสรรวัคซีนของไฟเซอร์นั้น เบื้องต้นกรมควบคุมโรคส่งให้ 50-60 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการของบุคลากรที่ได้สำรวจไว้ก่อน จากนั้นจะมีการสำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุด แล้วจะจัดสรรให้เพิ่มเติมอย่างแน่นอน โดยตั้งแต่วันที่ 5-6 ส.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนของไฟเซอร์ ลอตแรกลงยังหน่วยฉีดแล้ว

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำว่าทุกๆ จังหวัดไม่ใช่โรงพยาบาลทุกแห่งฉีดได้ เพราะสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จะกำหนดหน่วยฉีด เนื่องจาก วัคซีนไฟเซอร์ มีรายละเอียดเรื่องการขนส่งและการเก็บอุณหภูมิที่ถูกต้อง ดังนั้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 7-9 ส.ค.นี้ เริ่มฉีดในหน่วยบริการและในส่วนของการกำกับติดตาม นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ย้ำทุกหน่วยฉีดขอให้ สสจ.จังหวัดกำกับและติดตามด้วย ขณะที่เรื่องความโปร่งใสเป็นสิ่งที่สังคมต้องการเห็น จึงขอให้ สสจ.และจุดฉีดวัคซีนทุกจุดรายงานข้อมูลดังกล่าวมาด้วย  

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า  ส่วนวัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มนักเรียน/นักศึกษาที่ต้องเดินทางศึกษาต่อในต่างประเทศนั้น ขอให้ติดต่อลงทะเบียน ซึ่งในส่วนของ กทม.และต่างจังหวัดจะมีการสแกนคิวอาร์โค้ดที่ต่างกันขอให้ดูรายละเอียด ในส่วนของการลงทะเบียนของให้สแกนคิวอาร์โค้ด จากนั้นผู้ลงทะเบียนจะได้รับอีเมลยืนยันการลงทะเบียนและมีการนัดหมายผ่านข้อความทางโทรศัพท์เพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีน