จากกรณี พ่อและย่า ร้องขอความช่วยเหลือจาก ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่หลานสาววัย 3 ขวบ หลังจากถูกพ่อเลี้ยงและแม่เด็ก ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อนหน้านี้ น้องพีพี ลูกชายคนเล็กวัยขวบเศษ ก็โดยกระทำทารุณกรรมจนเสียชีวิตเช่นเดียวกัน ภายหลังตำรวจจับกุมฝ่ายพ่อเลี้ยงและแม่เด็ก ไปสอบสวนก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเรื่องอยู่ระหว่างฝากขังศาลตามที่ได้นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ผู้พักอาศัยอยู่ร่วมตึกเดียวกับห้องที่พ่อเลี้ยงและแม่ของเด็ก พาลูกทั้งสองมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยระบุว่า ตนยืนยันว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เสียงดังลั่นทุกวันต่อเนื่องกันเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งเสียงเด็กร้องไห้ไม่ใช่แบบที่เราได้ยินกัน แต่มันคือเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ตนยืนยันได้ว่า ไม่ใช่มีเพียงแค่ตนที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กเท่านั้น ยังมีชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่พักอาศัยต่างก็ร้องเรียนไปยังนิติบุคคลให้ไปตรวจสอบเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นช่วงยามวิกาลแต่กลับปล่อยให้ลูกร้องไห้แบบเจ็บปวดทรมานได้ทุกคืน ขณะที่ฝ่ายพ่อเลี้ยงอ้างว่า ที่เด็กร้องไห้เพราะเขาแปลงฟันให้ลูก บางทีก็ตอบว่าแหย่ลูกเล่น ตนก็ต่อว่าไปตรง ๆ ว่าแหย่ยังไง ทำไมเด็กร้องไห้ขนาดนั้น “โรคจิตหรือเปล่า” ทำแบบนี้ชาวบ้านไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันพอดี แล้วพักหลังก็ไม่เคยเอาเด็กออกจากห้องอีกเลย แต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องอยู่ทุกวัน

มีช่วงหนึ่งไปเจอตอนลงมาเปิดน้ำ ฝ่ายพ่อเลี้ยงก็บอกลูกสาวหกล้มหน้าเขียว ก่อนหน้านี้ก็เคยอุ้มลูกชายในสภาพหมดสติไป รพ. อ้างว่าเด็กไม่สบายเพราะพาไปเล่นน้ำทะเล พอผ่านไป 2-3 วัน ก็ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ทำให้รู้สึกแปลกใจ กระทั่งเจ้าหน้าที่ อสม. กับ พม. ขอเข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่า อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดประตูให้เข้าไป ทางเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจเหมือนตำรวจจึงต้องเดินทางกลับ ต่อมาก็มีข่าวว่าเด็กผู้ชายเสียชีวิตแล้ว

คุณยาย ที่เป็นพยานยังระบุด้วยว่า ความจริงครอบครัวนี้มีผู้ใหญ่อยู่กัน 4 คน มีข่าวว่าคนหัวโล้นที่บอกว่าป่วยติดเตียงเขาไม่ได้ติดเตียง ยังเดินเคลื่อนไหวได้ วันที่เข้ามาอยู่ใหม่ ๆ มีผู้ใหญ่ 3 คน คนหัวโล้นน่าจะเป็นญาติที่ตาบอดแต่หูไม่หนวก พูดคุยได้ปกติ เมื่อเด็กร้องก็ต้องได้ยินเสียงอย่างแน่นอน เพราะพักอยู่กับเด็กตลอด 24 ชม. ช่วงกลางวันเด็กก็ร้องแบบเจ็บปวดด้วยด้วย ทั้งนี้ พอสองผัวเมียถูกจับ คนตาบอดรายนี้ก็หนีหายไปจากห้องทันที อยากฝากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ช่วยสอบสวนให้เกิดความแน่ชัด ว่าชายตาบอดรายนี้เกี่ยวข้องกับการทำร้ายเด็กจนบาดเจ็บ เสียชีวิตหรือไม่

ด้านฝ่ายนิติบุคคลของห้องพัก เปิดเผยว่า สามีภรรยาคู่นี้ แจ้งย้ายมาอยู่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เราก็ไม่รู้เขามาเช่ากันเอง พอมาถึงก็ได้ยินเสียงเด็กก็ร้อง ร้องแบบดังมาก ๆ จนได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านหลายคน ตนก็ลงไปดูพบว่าเด็กมีร่องรอยฟกช้ำที่ใบหน้า พอสอบถาม อีกฝ่ายก็บอกไม่ได้ทำอะไรลูก จึงได้แต่เตือนไปว่าหากกระทำอะไรเด็กทางตำรวจไม่เอาไว้แน่ แล้วสุดท้ายก็ถูกจับจริง ๆ.