จากกรณี “พระชาตรี เหมพันธ์” เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร วัดไทยแห่งเดียวในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ได้ไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก โดยมีบางช่วงได้กล่าวพาดพิงถึง แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร จนมีการตอกกลับอย่างดุเดือด ทำให้ทางด้าน “ทนายธรรมราช” ไปแจ้งความเอาผิด แพรรี่ ข้อหาดูหมิ่นพระชาตรี หรือคณะสงฆ์ทำให้คณะสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสียเสียหาย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดไปทั่วทั้งสังคมออนไลน์นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” หรือแพรรี่ พร้อมด้วย อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพุทธศาสนา และทนายธรรมราช ได้ออกมาพูดถึงกระแสดังกล่าว ผ่านรายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย

โดย “ทนายธรรมราช” เผยว่า เบื้องต้นที่ไปกล่าวโทษ เพราะมีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งการกระทำของแพรรี่ ผมมองว่า อาจเป็นความผิดตามกฎหมายจึงนำไปร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยที่ไม่ได้รู้จักกับพระชาตรีมาก่อน ส่วนที่พระไปกล่าวถึงแพรรี่ เป็นความผิดส่วนตัว สามารถไปร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อพระได้เลย แต่การดำเนินรายการวันนี้ เป็นธรรมต่อพระชาตรีหรือไม่ ซึ่งถ้าเขาไม่มา คุณก็ไม่ควรไปพูดถึงเขา คุณก็พูดได้ มันเป็นสิทธิของคุณ แต่ถ้าเขาเสื่อมเสีย เสียหาย คุณก็อาจจะถูกดำเนินคดี แล้วคดีที่ร้องทุกข์ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังเดินหน้าต่อ ไม่ได้หยุด ข้อหานี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นบุคคลใดไปกล่าวโทษ ประชาชนคนไทยเห็นพระสงฆ์ถูกกระทำ ก็นำพยานหลักฐานไปดำเนินการทางกฎหมายได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอหน่วยงานรัฐ

ทนายธรรมราช ยังกล่าวอีกว่า ถ้าพระผิดจริงอย่างที่แพรรี่ว่า ก็มีช่องทางทางกฎหมาย เอาไปร้อง แต่ต้องไม่ใช่การด่าพระ มาเผยแพร่ให้แพร่หลาย ซึ่งแพรรี่เคยเป็นเปรียญธรรม 9 นั้น แยกแยะไม่ออกเลยหรือว่า การด่าพระนั้นผิดหรือไม่ คุณบอกคุณศีล 5 และไปด่าพระนั้นผิดไหม สิทธิที่คุณว่าต่อว่าคณะสงฆ์ให้เกิดความเสียได้ ตามบทบัญญัติกฎหมายข้อไหน หรือสิทธิที่คุณว่านั้นเองมาจากไหน

หลังจากนั้น “แพรรี่” ได้ตอกกลับทันทีว่า “เขาก็เชิญโฟนอินให้ออกรายการแล้วไงคะ เขาก็เชิญแล้ว ถ้ากล้าจริงก็ให้โฟนอิน ก็ไม่โฟน แล้วมาบอกว่าไม่เป็นธรรมอะไรคะ เขาเชิญนะคะ ไม่ใช่เขาไม่เชิญ ซึ่งดิฉันจะพูดค่ะ ดิฉันมีหลักฐานเยอะแยะเลย คดีก็รีบเดิน อย่าเดินช้านะคะ” ดิฉันมีข้อมูลเยอะมากเกี่ยวกับชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีปากมีเสียง เขาถูกคนที่เรียกตัวเองว่าพระสงฆ์แบบที่ทนายบางคนกำลังยกหางหลอกลวง เช่น การกู้เงินเขาแล้วใช้ไม่หมด กลุ่มนักศึกษาที่ถูกส่งรูปภาพอนาจาร อยากเห็นทนายบางคนที่อ้างว่ารักพุทธศานาออกมาปกป้องและจัดการอลัชชีพวกนี้ ไม่ใช่ไปโหนเห็บไรศาสนาพวกนี้ และจะส่งข้อมูลพวกนี้ให้ทนายที่ชื่อธรรมราชทำ เพราะอยากรู้ว่าจะเลือกเคสไหม

ถามว่าทำไมเอาข้อมูลมาเผยแพร่ไม่ได้ ในเมื่อพระพุทธเจ้าสอนว่า เมื่อมีคนติเตียนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เธอไม่ควรแสดงอาการเดือดดาลใจ แล้วจะรู้ข้อความนั้นได้อย่างไร ในสมัยพุทธกาล อย่าว่าแต่ด่าเลย ถ้าพระทำผิด เขาเตะให้สึกเลย ถ้าต้องปาราชิก ทำผิดและยังห่มเหลือง แล้วฟังให้ชัดว่าด่าอลัชชี คนที่ทำตัวไม่ดี และทุกคนมีสิทธิที่จะด่า จ่ายภาษีเหมือนทนายธรรมราชค่ะ พูดเลย เอาเงินภาษีไปอุดหนุนสำนักงานพระพุทธศาสนา ดังนั้นคนพุทธทุกคนมีสิทธิที่จะติติง มีสิทธิวิจารณ์คณะสงฆ์ได้ พอๆ กับที่คณะสงฆ์เทศน์ฆราวาส นี่พูดในฐานะอยู่ในประเทศประชาธิปไตย มีสิทธิพูดได้ ก็รับผิดชอบของตัวเอง ถ้าฟ้องมาก็ฟ้องกลับแค่นั้นเอง ซึ่งการที่พูดถึงพระ ก็เพราะว่าเป็นผู้เสียหายที่ถูกพระพาดพิง ก่อนที่จะมาถามว่าใช้สิทธิข้อไหนในการด่าพระ ก็อยากจะถามว่าทนายกลับไปถามพระก่อนไหม ว่าใช้สิทธิข้อไหนมาด่าฉันก่อน

“ยิ่งมีทนายเข้ามาแบบนี้ เลยยิ่งรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะว่าจะมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีก เวลาพระทำอะไรแล้วทนายถือหาง ชาวพุทธก็ไม่กล้ามีปากมีเสียง” แพรี่กล่าว

นอกจากนี้ ทางด้าน อ.จตุรงค์ ยังได้พูดถึงการทำคดีของทนายธรรมราชว่า พนักงานสอบสวนเขาว่าอย่างไร อัยการว่าอย่างไร คุณอย่าพูดเองเออเอง พนักงานสอบสวนเขายังไม่ได้ยืนยันมาเลยว่าจะรับฟ้อง ส่งฟ้องหรือเปล่า แล้วมาตรา 44 ตรี ผมก็มีทนายส่วนตัวเหมือนกัน มาตรา 44 ตรี เขาพูดถึงคณะสงฆ์ คุณเป็นทนายประเภทไหนที่แยกไม่ออก ระหว่างคณะบุคคล กับบุคคล การต่อสู้กันระหว่างบุคคลกับบุคคลเขาเถียงกันเนี่ย คุณไปเหมารวมเป็นคณะสงฆ์ ตายอย่างนี้ คุณไปเพิ่มอำนาจอภิสิทธิ์ให้พระรูปใดรูปหนึ่ง เป็นข้อความของคณะสงฆ์หรือเปล่า แล้วที่สำคัญคุณพลาดในเชิงกฎหมาย ผมบอกให้คุณรู้ตัวเอาไว้นะว่า คุณไม่มีอำนาจเลย ไม่อย่างนั้นเขาจะมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไว้ทำไม เขาจะมีพระสังฆาธิการ มีประชุมคณะสงฆ์ไว้ทำไม ถ้าสงฆ์เขาเดือดร้อน สงฆ์เขาให้สำนักพุทธฯ ออกมาฟ้องร้องเอง

“ทนายเนี่ยมีสิทธิอะไร จะไปฟ้องหมิ่นประมาท เขาแต่งมาเป็นทนายเหรอ ก็ไม่ใช่ มันรู้ตัวว่าไปฟ้องหมิ่นเขาไม่ได้ เพราะไม่ได้รับแต่งตั้ง ไม่ได้รับมอบอำนาจ จะไปฟ้องอะไร แล้วถ้าหากเป็นการจัดฉากอย่างหลวงปู่แสง จึงจะเข้าข่ายมาตรา 44 ตรี แต่นี่คนสองคนเถียงกันบนอินเทอร์เน็ต มันปัญญาอ่อน ผมก็ไม่รู้ว่าจบนิติศาสตร์ที่ไหนมา ตัวคุณมีสิทธิที่ไหนมาทำ ก็ยังดื้อด้านจะทำ”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก รายการโหนกระแส