เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นสุดปังแห่งปี กับ “Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022” หรือ BIFW2022 (สยามพารากอน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2022) ที่สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็น ‘World Class Fashion Destination’ ศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลก เปิดแกรนด์รันเวย์โชว์ศักยภาพความสร้างสรรค์จาก 15 สุดยอดดีไซเนอร์ไทยและ ดีไซเนอร์รุ่นใหม่มาแรง ในวันที่ 21-25 กันยายน ที่ผ่านมา ณ สยามพารากอน ที่งานนี้ จัดเต็มกองทัพดาราตัวท๊อป, คู่จิ้นทั่วฟ้าเมืองไทย และคนดังจากหลากหลายวงการ มารวมอยู่ในงานเดียว ทั้งมาร่วมเดินแบบและเป็นแขกฟรอนท์โรว์คนพิเศษ
โดยตลอด 5 วันเต็ม BIFW2022 นำเสนอผลงานคอลเลกชั่นล่าสุดของแบรนด์ไทยระดับแนวหน้า และแบรนด์ดีไซเนอร์ รุ่นใหม่มาแรง ทั้งหมดถึง 15 โชว์ ได้แก่ Absolute Siam presented by ZEPETO: Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag, ASAVA, FLYNOW, FRI27NOV., GREYHOUND ORIGINAL, ISSUE presented by TAT, KLOSET, LEISURE PROJECTS, NAGARA, PAINKILLER Atelier presented by Seiko 5 Sports, POEM Presented by Purra, TandT, VATANIKA presented by Lexus, VICKTEERUT และ VVON SUGUNNASIL
วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้รวบรวมความโดดเด่นของแต่ละแบรนด์ ที่เผยความเป็นตัวตนผ่านคอลเคชั่นสุดพิเศษบนเวทีแฟชั่นวีคแห่งปีในครั้งนี้ ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลย!!
เริ่อมที่แบรนด์แรก “ISSUE” แบรนด์แฟชั่นไทยที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวและคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ก่อตั้งโดย โรจน์-ภูวภวิศ กฤตพลนารา ดีไซเนอร์ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมแดนภารตะ ตั้งแต่โลโก้ที่ คล้ายอักขระอินเดีย ไปจนถึงลวดลายและสีสันจัดจ้านที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชมพูทวีป

สำหรับคอลเลกชั่น Fall/Winter 2022 ใหม่ล่าสุด “ร ล ก ห (รัก โลภ โกรธ หลง)” ได้รับ อิทธิพลมาจากหลักคำสอนอคติ 4 ได้แก่รัก โลภ โกรธ หลง นำมาตีความเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ แต่ยังคงใช้แนวคิด ความรัก ความเชื่อ และความศรัทธามาร่วมถ่ายทอด โดยนำลวดลายจากองค์ พระพิฆเนศอันเป็นเทพแห่งศิลปะและความสำเร็จมาใช้เป็นหลัก พร้อมต่อยอดคำว่า “โลภ” จาก คอลเลกชั่นก่อนหน้าที่สื่อถึงความในใจอันอยู่ก้นบึ้งของมนุษย์มาเป็นธีมของแฟชั่นโชว์ครั้งนี้
ซึ่งความโลภตามแบบฉบับ ISSUE คือการร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหมายถึงพระพิฆเนศ ในคอลเลกชั่นนี้ยังใส่เทคนิคปัก, ถัก และทอซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย นอกจากนี้ยังนำ ผ้าไหมมาเพิ่มมิติและความหลากหลายให้งานดีไซน์พร้อมสืบสานงานหัตถศิลป์ ไทยให้ไปสู่สากล มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำวัฒนธรรมมาเป็นส่วนประกอบที่จะบ่งบอกความหมายของคอลเลกชั่นและโชว์ได้อย่างชัดเจน
มาต่อที่แบรนด์ “VICKTEERUT” ของ ดีไซเนอร์คนเก่ง “อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์” กับคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2022 ในชื่อ “Hazy Ground” ว่าด้วยเรื่องราวของแก็งค์สาวซ่าส์สุดคูล ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มาพร้อมกับความมั่นใจ และความเซ็กซี่ในชุดเข้ารูปเน้นรูปร่าง ที่ถึงแม้อยู่ในเมืองที่มีถนนวุ่นวาย ซอยเปลี่ยวมืดสลัว อุโมงค์ข้ามถนนไฟติดๆ ดับๆ หรือทางเดินเท้าคอนกรีตที่เต็มไปด้วยฝุ่น พวกเธอก็ไม่กลัวที่จะหยิบเสื้อผ้าเผยผิวอย่างแยบยลมาสวมใส่อย่างชาญฉลาด เป็นการหยิบเอา ความแข็งแกร่ง และความนุ่มนวลมาล้อกันในคอลเลกชั่นได้อย่างลงตัว

นำเสนอลุคเด่นเช่น เดรสสายเดี่ยวจับเดรป ดีเทลคัตเอาท์กางเกงสกินนี่ ขอบเอวเดินเส้น ที่สามารถส่วมใส่ได้กับเสื้อหลากสไตล์ทั้งเสื้อครอปจับเดรปผ้าเจอร์ซีย์เสื้อ กล้ามเปิดไหล่จับเดรป และเสื้อสายเดี่ยวดีเทลคัทเอาต์ (cut-out) เป็นต้น เสื้อแจ๊คเก็ต ไบเกอร์แขนกุดตกแต่งซิปและกระดุม โลหะเข้าชุดกับกางเกงคูลอต (culotte) จีบหน้า เสื้อคอระบายผ้าซาติน สวมใส่กับเบลเซอร์กุ๊นขอบที่มีคอปกสีตัดและกางเกง คูลอต (culotte) ส่งเสริมรูปร่างของผู้สวมใส่
ดีเทลคัตเอาท์รวมไปถึงการตกแต่งด้วยซิปและกระดุมโลหะด้วยเส้นสายที่เฉียบ คมของเสื้อผ้าสไตล์เทเลอร์ได้ถูกน ามาผสมผสานกับความละเอียดอ่อนของวัสดุและเทคนิคที่ใช้ตัดเย็บวัสดุอย่างผ้าเจอร์ซีย์ที่ นุ่มพิเศษ รวมไปถึงผ้าซาตินที่ถูกน ามาจับเดรปอย่างประณีตกลายเป็นเสื้อผ้าซิลลูเอตเข้ารูปที่ดีไซน์มาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความรู้สึกเย้ายวนให้กับคอลเลกชั่น แสดงออกถึงพลังของกลุ่มผู้หญิงสาวแสบ สุดซ่าส์ที่ทั้งสวยและอันตรายไม่แพ้กับ กับเมืองใหญ่ที่พวกเธออาศัยอยู่
มาที่คอนเซ็ปต์ “BORN THIS WAY” ของแบรนด์ “KLOSET” จากดีไซเนอร์ดัง “มลลิกา เรืองกฤตยา” และ “ณัฐ มั่งคั่ง” ที่แสดงตัวตนของผู้หญิงที่มีความกล้าเเสดงออก ซ่อนความเซ็กซี่เเละพร้อมที่จะเผยผิวในส่วนที่ควรจะเผย ซึ่งปีนี้นับว่าเป็นการครบรอบปีที่ 20 ของแบรนด์ที่ยังคงสร้างสรรค์และสานต่อความสนุกสำหรับสาวช่วงอายุวัย 20 นำมาเผยเสน่ห์ในโชว์ในครั้งนี้

พร้อมที่จะเดินอย่างมั่นใจไปกับเสื้อผ้าที่รังสรรค์โดยวัสดุที่มอบความพิเศษ แต่ยังเน้นซิลลูเอตที่คงความคลาสสิก สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน โดยเลือกใช้สีโทนเข้ม เช่น สีกรมท่าเเละสีดำ สะท้อนถึงความทะมัดทะแมง และเพิ่มความเฉิดฉายอย่างมั่นใจด้วยสีสว่าง เช่น สีชมพู เเละสีฟ้า โดยเทคนิคการประดับเพชรและคริสตัลในครั้งนี้ Kloset เลือกปักทับลงบนผ้าไหมเปลือกทอมืออย่างประณีต มาพร้อมลายพรินท์ดอกกุหลาบที่แบ่งออกเป็น 2 โทนสี ผสมผสานโทนสีดำม่วง ที่แสดงถึงความทะมัดทะแมง ตัดกันกับโทนสีสดใส ที่แสดงถึงความเฟมินีนออกมาได้อย่างลงตัว
โดยจุดเด่นและความพิเศษของคอลเลกชั่นนี้คือ การเลือกเนื้อผ้าที่สื่อถึงความโฉบเฉี่ยวสะดุดตาของนางแบบบนเวทีลงบนซิลลูเอตที่เย้ายวน แต่ยังแฝงความแข็งแกร่ง และความน่าตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้นเมื่อเสื้อผ้ากระทบกับแสงไฟบนเวทีอีกด้วย
มาถึงบรนด์แฟชั่นไทยสุดเท่อย่าง “VVON SUGUNNASIL” ของดีไซเนอร์มือทอง “ทัตวร สุกัณศีล” ที่มาพร้อมกับการเผยโฉมคอลเลกชั่น Fall/Winter 2022 กับคอนเซปต์ “Constant VVON SUGUNNASIL” บอกเล่าเรื่องราวของการสลับเวลาจากช่วงกลางวันเป็นกลางคืน เน้นการออกแบบผ่านมุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป และไลฟ์สไตล์ของผู้คนในรูปแบบใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเทเลอร์ (Tailor) ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

โดยโทนสีที่ใช้จะแสดงถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหรามีระดับของมนต์เสน่ห์ในยามค่ำคืน โดยในคอลเลกชั่นนี้จะมุ่งเน้นโทนสีที่แสดงอารมณ์ของเวลาในรูปแบบต่างๆ โดยการใช้โทนสีสว่างแทนช่วงเวลาเช้า (Simplicity) และไล่เรียงไปถึงโทนเข้มในเวลากลางคืน (Elegant) ผสมผสานกับผ้าวูล (Wool) ที่บอกเล่าเรื่องราวการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเทเลอร์ได้อย่างลงตัว
ส่วนจุดเด่นและความพิเศษของคอลเลกชั่นที่นำเสนอและยังคงนำเสนอตัวตนผ่านโครงสร้าง และการตัดเย็บที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ นำมาผสมผสานกับความเรียบง่ายในรูปแบบ Ready-to-wear ที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ใส่ได้ ทุกโอกาส และตอบสนองความต้องการของผู้ชื่นชอบแฟชั่นได้อย่างชัดเจน
ตามมาที่ “NAGARA” แบรนด์ไทยระดับแนวหน้า ที่ได้รับยกย่องให้เป็น ‘Legend of Thai Fashion’ ยังคงชัดเจนด้วยกลิ่นอายโอเรียนทัล ถ่ายทอดนิยามแห่งโลกตะวันออก ผ่านรูปทรง สีสัน อันหลากหลาย และลวดลายในแบบฉบับ NAGARA กับผลงานที่เปี่ยมไปด้วย Craftsmanship ใน ทุกอณูโดดเด่นด้วยงานผ้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งล้วนรังสรรค์ด้วยมือเองในทุกขั้นตอนด้วย หลากหลายเทคนิคเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นการย้อม การมัดย้อมเพนท์ลวดลายลงบนผืนผ้า รวมถึง ฝีมือการปักสุดปราณีต ถ่ายทอดผ่านวัสดุซิกเนเจอร์อย่างผ้าไหม

ตามมาติดๆ กับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำสัญชาติไทย “POEM” โดยฤดูหนาวนี้จะนำพาคุณผู้หญิง สำรวจซิลลูเอตใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสุภาพบุรุษข้างกายผู้สร้างสีสัน พร้อมอวดโฉมผลงาน บนรันเวย์แฟชั่นโชว์ในงาน BIFW2022 เพื่อมอบความเซ็กซี่รูปแบบใหม่และเฉลิมฉลอง ความอิสระในงานดีไซน์และความหลากหลายทางเพศ

ความพิเศษของโชว์ MAGICAL DUALITY คือการกลับไปค้นหางานออกแบบ ของ POEM MENSWEAR ห้องเสื้อสำหรับสุภาพบุรุษของ POEM ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การตัดเย็บชุดสูท ตามแบบฉบับ Handcraft Tailoring หรือการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยมือ คอลเลกชั่นนี้จึงเป็นการนำ องค์ความรู้และประสบการณ์ในการทำเสื้อผ้าผู้ชายตลอดระยะเวลา 11 ปีมาปรับโครงสร้าง เพิ่มลูกเล่นใหม่ โดยผสมผสานซิลูเอทของเสื้อผ้าให้เข้ากับคอร์เซ็ตซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่จะเน้นทรวดทรงของผู้หญิง ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นงานดีไซน์ในรูปแบบของ made-to-measure ที่เข้ากับรูปร่างของผู้หญิงทุกคน
POEM ได้ถอดสมการแฟชั่นในคอลเลกชั่นนี้เพื่อให้ผู้หญิงได้สนุกกับการสร้างสรรค์ลุคใหม่ การผสมผสานงานเทเลอร์ ของเสื้อผ้าผู้ชายและเพิ่มซิลลูเอตอ่อนหวานแบบผู้หญิง ให้ลุคที่สมาร์ทและมีเสน่ห์ไปในตัว ทั้งยังเพิ่มความเย้ายวนด้วยชุดบอดี้สูทประดับลูกไม้ที่ช่วยเสริมให้ผู้หญิงโพเอมเซ็กซี่แบบทรงพลัง นอกจากองค์ประกอบหลักที่ สร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นแล้ว ยังให้ความสำคัญการเลือกใช้เนื้อผ้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการทดลองเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับงานดีไซน์ในแต่ละคอลเลกชั่น
มาต่อที่ แบรนด์ “TandT” ของ ธนาวุฒิ ธนสารวิมล ผู้ก่อตั้งและครีเอทฟี ไดเร็คเตอร์ สำหรับคอลเลกชั่น AUTUMN/ WINTER 2022 “CHILDHOOD MEMORIES” เกิดจากแรงบันดาลใจจากความทรงจำในวัยเด็กอันแสนสนุกสนานกับความรักที่มีต่อ “ตุ๊กตากระดาษ” ของเล่นวัยเด็กที่เปิดโอกาสให้เขาได้ลองสวมใส่เสื้อผ้ากระดาษจ าลองบนร่างตุ๊กตาแบบภาพสองมิติซึ่งกลายมาเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้เขาเติบโตขึ้นเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าให้กับผู้หญิงตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา

แรงบันดาลใจจากตุ๊กตากระดาษ สะท้อนผ่านการวาดโครงเสื้อผ้าด้วยเส้นกรอบนอกสีดำ ผ่านเทคนิคการเดินกดรูดระบาย และประกอบขึ้นมาเป็นโครงสร้างชุดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จากนั้นนำมาสวมทับบนโครงชุดที่มีความพองและบาน พร้อมการสอดแทรกลูกเล่นเล็กน้อย จากรายละเอียดของตุ๊กตากระดาษที่มีเพียงแค่มิติเดียวให้เห็นสมบูรณ์เพียงด้านหน้า แต่ด้านหลังถูกตัดแบน ทำให้เกิดลูกเล่นของชุดที่ชิ้นหน้าและชิ้นหลังแตกต่างกันเหมือนกับการใส่เสื้อผ้าต่างชิ้น สิ่งตกแต่งที่เห็นได้ชัดบนเสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้ได้แก่ “โบว์” สัญลักษณ์ของการผูกหรือการมัด นอกจากนี้ยังมีการใช้โบว์เป็นแบบในการสร้างรายละเอียดอื่นๆ ของเสื้อผ้า เช่น คัตติ้งรูปทรงโบว์ เทคนิคการกดรูดระบายเดิน เป็นรูปทรงโบว์ การแทรกโบว์ตรงตะเข็บด้านข้างของเสื้อผ้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อของเสื้อผ้าเข้าด้วยกัน ลายพิมพ์ที่ดึงเอา ส่วนประกอบของโบว์เข้ามาผสมกับตุ๊กตาเด็กผู้หญิงวางเรียงต่อกันเหมือนกับการตัดกระดาษ รวมถึงการเลือกใช้สีสันพิเศษ แบบไร้ขีดจ ากัดที่แสดงถึงทัศนคติของผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มากันที่ “Absolute Siam” (แอบโซลูท สยาม) มัลติแบรนด์สโตร์ที่รวบรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์ สไตล์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์สร้างสรรค์ด้วยดีไซน์แปลกใหม่ จากการร่วมคอลลาบอเรชั่นระหว่างแบรนด์ไทยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง หรือสินค้า Exclusive แบบไม่เคยมีมาก่อน เติมเต็มประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูชีฟและมีจ าหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียว

โดยไฮไลท์พิเศษในครั้งนี้คือโชว์สุดพิเศษจากตัวแทนดีไซเนอร์ไทยแห่ง Absolute Siam ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่าง 3แบรนด์ นำโดย “Sculpture Studio” นำเสนอคอลเลกชั่น SS23 ร่วมกับแบรนด์กระเป๋สุดเก๋ “Fill in the ba” และ แบรนด์ชุดว่ายน้ำ “Waterandothers” เพื่อสร้างสรรค์ ผลงานที่มีความหลายหลาก ผ่านความชำนาญที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ในคอนเซ็ปต์โชว์ “Excuse me, I Have to go make a scene!” โดยคอลเลกชั่น Spring/ Summer 2023 ของ Sculpture Studio ครั้งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง True Man Show ที่เล่าเรื่องราวสะท้อนถึงวิถีชีวิตชาว Social Addict หรือผู้เสพติดโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่ล้วนต้องการแสดงออกถึงชีวิตส่วนตัวในทุกแง่มุม ผ่านการสร้างตัวตนบนโลกโซเชียล จนทำให้ไม่สามารถแยกโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจริงออกจากกันได้
ซึ่งคอลเลกชั่นนี้เป็นการผสมผสานองค์ประกอบเสื้อผ้าเสื้อผ้าสไตล์เวิร์กแวร์ (Workwear) ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างและดีเทลที่มุ่งเน้นความเป็นชายหรือ Masculinityเข้ากับความรีแลกซ์และความเย้ายวนของ ชุดชายหาด (Beachwear) ด้วยโทนสีชมพูที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Sculpture Studio ผสมผสานเข้ากับสีของ บรรยากาศริมชายหาด ไม่ว่าจะเป็น สีเหลือง Sunlight Yellow, สีฟ้า Ocean Blue และ สีแดง Heat Red โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับรู้ผลงานการออกแบบ ด้วยแนวทางใหม่ๆ ที่ต้องการก้าวข้าม ผ่านกรอบการน าเสนอผลงานแฟชั่นในปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นและสร้างความสนุกและประสบการณ์ใหม่ต่อ ผู้ชม โดยมีการท างานร่วมกับการออกแบบ Theater Design ด้วยการเชิญผู้ก ากับและเขียนบทละครเวทีให้ มาตีความและสร้างผลงานการแสดงเชิงทดลองในโชว์ครั้งนี้อีกด้วย
มากันที่แบรนด์แฟชั่นไทยสุดฮอต “ASAVA” ของดีไซเนอร์ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” โดยคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2022 ครั้งนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “It’s Time to Focus on What Matters.” ถ่ายทอดมุมมองและความหมายของคำว่า ‘โฟกัส’ ที่เกิดจากการพินิจและสำรวจลงไปถึงแก่นแท้ของคอลเลกชั่นและรากฐานที่แท้จริงของแบรนด์ โดยโทนสีที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้คือ สีขาว สีเทา สีดำ สีเบจ และสีน้ำเงิน อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมไปถึงสีพิเศษ เช่น สีฟ้าเบบี้บลู สีม่วง ลาเวนเดอร์ และโทนสีพาสเทล ในสไตล์มินิมอล อีกทั้งยังแฝงความหรูหราน่าค้นหา สะท้อนผ่านผลงานสร้างสรรค์อันร่วมสมัย การตัดเย็บด้วยวัสดุคุณภาพสูง และกรรมวิธีอันวิจิตรประณีตที่คงไว้ซึ่งปรัชญาหลักของแบรนด์ที่อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงหันมาสร้างสไตล์ที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริง

ตามมาด้วยแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง “VATANIKA” ดีดีไซเนอร์:สุดแซ่บ “วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” โดยคอลเลกชั่น Spring/Summer 2023 รวมเอาสไตล์ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงในแบบฉบับของ VATANIKA อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านการหยิบยกเอา Silhouette ที่ได้รับความนิยมและ เป็นที่ชื่นชอบจากคอลเลกชั่นต่างๆมาถ่ายทอดอีกครั้งให้ร่วมสมัย รวมถึงดีไซน์และคัตติ้งโดดเด่น ที่เสริมให้สรีระดูงดงามยิ่งขึ้น นำเสนอผ่านโทนสีเข้มอย่างดำ, น้ำตาล ไล่ไปจนถึงสี สดอย่างฟ้าหลากเฉด และเมทัลลิก สื่อถึงช่วงเวลาที่ผ่านมากับสถานการณ์ของโลก โดยเฉพาะในโลกแฟชั่นที่ไม่ว่าจะดูมืดมนเพียงใด ยังคงมีความสว่างและหนทางที่สดใสอยู่ ด้วยเสมอ พร้อมพบกับเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ กับไลน์ใหม่ล่าสุดอย่าง VATANIKA Bride คอลเลกชั่น เจ้าสาวในสไตล์VATANIKA ในคอนเซ็ปต์ “Everything but the Groom” อีกด้วย

ด้านแบรนด์ “GREYHOUND ORIGINAL” ก็มากับคอลเลกชั่น Autumn/ Winter 2022 มาในคอนเซปต์ “LISTEN TO THE FUTURE” นำเสนอเรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันที่คอยตอกย้ำให้เราตระหนักถึงผลที่จะ ตามมาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญญาประดิษฐ์และความหลากหลายต่างๆ โดย จุดเด่นคือการเสนอมิติใหม่ของแบรนด์โดยเน้นเครื่องประดับมากยิ่งขึ้น ที่มีความเป็นผู้ชาย (Masculine) และ ยูนิเซ็กส์(Unisex) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์เน้นการใช้สีดำ สีขาว และ สีแดง เป็นหลัก อีกทั้งเน้นการใช้เส้นใยธรรมชาติหลากหลาย รวมถึงการนำผ้ามารีไซเคิลซึ่ง เป็นวัสดุหลัก โดยมีแนวคิดมาจาก Basic with a Twist ที่แบรนด์หยิบยกมาใช้อยู่เสมอ เช่นเดียวกัน กับการใช้ผ้าออแกนิคคอตตอน (Organic Cotton) หรือฝ้ายอินทรีย์ที่มีกรรมวิธีการผลิตที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น มีส่วนช่วยลดปัญหามลภาวะเป็นพิษจากการผลิตสิ่งทอ และยังเป็นการช่วยลดขยะจากขวดพลาสติกที่เป็นปัญหาของสิ่งแวดล้อมโลกซึ่งอยู่ภายใต้คอนเซปต์ “LISTEN TO THE FUTURE” ที่ช่วยให้ ทุกคนหันมาสนใจและตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

มาต่อกันที่แบรนด์ “PAINKILLER” ของดีไซเนอร์ “สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์” ซึ่งเอกลักษ์ของแบรนด์นี้เกิดจากแนวคิดของชาวมอแกนผู้มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเลอย่างแน่นแฟ้น สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้ดั่งเงือก (Fisherman to Merman) คือแรงบันดาลใจในการนำเสนอคอลเลกชั่น Sea Gypsy โดดเด่นที่ความหลากหลายของศาสตร์การสร้าง เสื้อผ้า ทั้งในด้านเท็กซ์เจอร์ลวดลาย และวิธีการตัดเย็บนำเสนอเสื้อผ้าจาก 2 ไลน์ของแบรนด์ที่ผสมผสานความเป็นสตรีทแวร์ เข้ากับชิ้นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่โดดเด่นด้วยความหลากหลายของศาสตร์การสร้าง เสื้อผ้า ที่ออกแบบและผลิตขึ้นอย่างประณีต โทนสีที่ใช้ได้แรงบันดาลใจมาจากทิวทัศน์ใต้ทะเล รวมถึงชีวิตประจำวันทั้งในน้ำและบนบกของชาวมอแกน เช่น เฉดสีขาวเบจของทราย เฉดสีฟ้าของมหาสมุทร เฉดสี ม่วงดอกไม้ทะเล เฉดสีเขียวสาหร่าย รวมไปถึงสีเมทัลลิกที่สื่อถึงแสงแดดยามกระทบผิวน้ำ ผสมผสานผ้าและวัสดุหลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกันสื่อถึงความงามที่เป็นอิสระและไร้กฏเกณฑ์

ด้วน “ณัฐพล กนกวลีวงศ์” ดีไซเนอร์จากแบรนด์ “LEISURE PROJECTS” ก็มาในโชว์ “AW2022 Live Life, Leisure” ที่พูดถึงปรัชญาความสุขในการใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ตัวเองต้องการ กล้าได้กล้าเสียในแบบฉบับของผู้ชาย โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาเอ็กซ์ตรีม ได้แก่ กระโดดร่ม, โต้คลื่น, โมโตครอส และ ไคท์เซิร์ฟ นำเสนอเสื้อผ้าในสไตล์ที่บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตอยู่ในเมือง (Urban Wear) ที่ผสมผสานเข้า ด้วยกันอย่างลงตัวกับรายละเอียดชุดกีฬา (Sport Wear) ถ่ายทอดออกมาโดยใช้ทฤษฎี Deconstruction มาใช้ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้า อีกทั้งยังมีการใช้ผ้าชนิดพิเศษจากทางแบรนด์มาผสมผสานกับผ้าที่ใช้สำหรับการเล่นกีฬา รังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องแต่งกายทางการและชุดลำลอง เพื่อเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ และออกจากความจำเจ

โดยคอลเลกชั่น Autumn/Winter 22 นี้เน้นโทนสีสดใส เช่น สีเหลือง สีเขียวนีออน สีฟ้าหม่น สื่อถึงการมองโลกในแง่ดี และความสนุกสนาน นอกจากนี้แฟชั่นโชว์ครั้งนี้ยังถือเป็นโชว์เดี่ยวครั้งแรกของแบรนด์ ซึ่งยังได้ร่วมออกแบบรังสรรค์คอลเลกชั่นร่วมกับ “พิมพ์ จงเจริญ” จากแบรนด์ “Teaspoon Studio” ซึ่งโดดเด่นเรื่องงานตัดกระดาษ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับลายพิมพ์ประจำคอลเลกชั่น เป็นการตอกย้ำ DNA และ ตัวตนของ Leisure Projects ให้ชัดเจนที่สุด
ตามมาด้วยแบรนด์ “FRI27NOV.” ของดีไซเนอร์จุดเจ๋ง “ชนะชัย จรียะธนา” ที่ได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่น Autumn/Winter 2022 ในคอนเซปต์ “NEVER GAMEOVER” นำเสนอการผสมผสานสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างไร้กฏเกณฑ์ และไม่มีข้อจำกัดในการแต่งตัว ที่จะทำให้ต้องประหลาดใจในแบบฉบับของ FRI 27 NOV. โดยคอนเซ็ปต์ของแฟชั่นโชว์ในปีนี้เป็นการนำอารมณ์ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้า โดยต้องการจะสื่อถึงความไม่แน่นอน ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด และการผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพื่อวันที่ดีกว่า โดยการใช้โครงสร้าง เสื้อผ้าและการสไตล์ลิ่งที่ไร้กฎเกณฑ์ผ่านเทคนิคทั้งงานเพ้นท์ งานปัก และงานประดิษฐ์ สื่อสารในคอล เลคชั่นชื่อ “STUNT” ซึ่งเน้นการนำวัสดุ อารมณ์ และการใช้โทนสีที่แตกต่างกันมาผสมผสานและหลอมรวมให้เกิดสไตล์ที่เข้ากับยุคสมัยในรูปแบบของ FRI27NOV.

โดยโชว์ “NEVER GAMEOVER” ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ ผ่านการวางคอนเซปต์และสไตล์ลิ่งโดยสลับบทบาทจากคนเดินโชว์ เป็น “คนดูโชว์” นำเสนอความหลากหลายโดยเลือกผู้คนทุกเพศ ทุกวัยรวมถึงทุกไซส์ มาร่วมการแสดงโชว์ครั้งนี้ด้วย โดยมีการผสมผสานสิ่งที่มีกับสิ่งที่ชอบจน “เกิดเป็นสไตล์ที่คาดเดาไม่ได้”
และปิดท้ายด้วยแบรนด์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและความเป็นตะวันตกได้อย่างลงตัว ของดีไซเนอร์คนเก่ง “สมชัย ส่งวัฒนา” ที่ได้สะท้อนถึงความสง่างามที่ยังคงโบยบินอยู่ในโลกแฟชั่นได้อย่างสง่าผ่าเผย มายาวนานกว่า 39 ปี โดยครั้งนี้จุดเด่นของคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2022 มาในคอนเซปต์ “REINCARNATION” ที่มีความเป็นนีโอวิคตอเรียน (Neo-Victorian) โดย สมชัย ส่งวัฒนา ดีไซเนอร์ ของแบรนด์ ได้กล่าวว่า

“เป็นคอนเซปต์ที่เหมือนปราศจากคอนเซปต์และไร้กฎเกณฑ์ต่างๆ เปรียบเสมือนการทำลายเพื่อเริ่มจุติสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น เป็นความย้อนแย้งเพื่อสร้างสมดุลให้จิตวิญญาณพเนจรได้กลับ ‘สู่ร่างใหม่ในจิตเดิม’ ผ่านการใช้เสื้อผ้าโทนสีด า สีขาว สีทอง ในการสร้างสรรค์แฟชั่นด้วยการเลือกใช้วัสดุเช่น ผ้าชีฟอง ผ้าไหม ผ้าแจ็คการ์ด ผ้าซาติน และผ้าขนสัตว์”..