สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่า นายแอนดรูว์ วอล์กเกอร์ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพจากศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพนอร์ธลอนดอน กล่าวว่า ด.ญ.มอลลี รัสเซลล์ เข้าถึงสื่อที่อาจมีอิทธิพลต่อเธอในทางลบ อีกทั้งสิ่งที่เริ่มต้นจากภาวะซึมเศร้า ได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นด้วย แม้รัสเซลล์จะเสียชีวิตจากการทำร้ายตัวเองขณะกำลังเป็นโรคซึมเศร้า แต่วอล์กเกอร์กล่าวว่า ยังไม่ควรที่จะสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

การเสียชีวิตของรัสเซลล์เมื่อเดือน พ.ย. 2560 ส่งผลให้ครอบครัวของเธอจัดการรณรงค์ที่เน้นย้ำถึงอันตรายต่าง ๆ ของสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่การพิจารณาคดีนาน 1 สัปดาห์เริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อนายโอลิเวอร์ แซนเดอร์ส ทนายความของครอบครัว วิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้บริหารของอินสตาแกรม

แซนเดอร์สที่โกรธอย่างเห็นได้ชัด ถามนางเอลิซาเบธ ลาโกเน หัวหน้าฝ่ายสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ของ “เมตา” บริษัทแม่ของอินสตาแกรม ถึงการที่ให้เด็กใช้แพลตฟอร์มอินสตาแกรม ในเมื่อมันอนุญาตให้ผู้คน “สามารถใส่เนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายได้” ซึ่งทางลาโกเนได้กล่าวขอโทษ หลังจากเธอเห็นคลิปวิดีโอที่ “ละเมิดนโยบายของบริษัท”

ขณะที่สมาคมป้องกันการทารุณกรรมเด็กแห่งชาติ (เอ็นเอสพีซีซี) กล่าวว่า การพิจารณาคดีครั้งนี้ “จะต้องเป็นจุดเปลี่ยน”

“บริษัทเทคโนโลยีต้องมีส่วนรับผิดชอบ เมื่อพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็ก และสิ่งนี้จะต้องเป็นจุดเปลี่ยน” เอ็นเอสพีซีซี ทวีตและระบุเพิ่มเติมว่า ความล่าช้าใด ๆ ต่อร่างกฎหมายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยออนไลน์ “จะเป็นเรื่องประหลาดต่อผู้ปกครองของเด็ก”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES