กรณีจับกุม นายพรเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวกำแพงเพชร พ่อค้าไก่หมุนถูกจับกุม เนื่องจากปลอมตัวเป็นทนายความ และได้ขึ้นว่าการในศาลจริง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเคยว่าความชนะอัยการมาแล้ว อีกทั้งยังปลอมตั๋วทนาย ปลอมคำพิพากษาหลอกลูกความ จนกลายเป็นที่ฮือฮา และหลายคนต่างเรียกเขาว่า ‘แฟรงก์ อบาเนล’ ไทยแลนด์ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เหลือเชื่อ! รวบ ‘แฟรงก์ อบาเนล’ เมืองไทย พ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายขึ้นศาล

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร สอบถาม พ.ต.ท.สุวิศ พิชอ่อน สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกำแพงเพชร เจ้าของคดี เบื้องต้นให้ข้อมูลว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดจากผู้ต้องหาได้รับว่าความให้ผู้เสียหายในคดีแพ่ง ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จากนั้นแจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดีโดยได้ให้ผู้เสียหายดูคำพิพากษาศาล พร้อมเรียกรับเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าดำเนินการ ต่อมาผู้เสียหายตรวจสอบคำพิพากษาปรากฏว่า ไม่มีคำพิพากษาคดีดังกล่าว และไม่มีการไต่สวนคดีดังกล่าวในสารบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชรจริง จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ จ.นครสวรรค์

พ.ต.ท.สุวิศ เผยอีกว่า จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ใน จ.นครสวรรค์ ประสานมายัง สภ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อทราบเรื่องดังกล่าว ศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงทำการตรวจสอบเลขที่คดี พบว่าไม่มีคดีดังกล่าวอยู่ในสารบบ และทำการตรวจสอบรายชื่อทนาย ก็ไม่พบปรากฏว่าผู้ต้องหาอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ ทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาปลอมแปลงตั๋วทนาย ใช้ว่าความสร้างความเสียหายให้กับศาลเป็นอย่างยิ่ง จึงแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร อีกราย กระทั่งมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ เข้าจับกุมตัว ขณะนี้ถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชร เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางมาตรวจสอบที่บ้านเกิดของผู้ต้องหาในพื้นที่ หมู่ 6 ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่า กำแพงหน้าบ้านมีภาพตราชั่ง พร้อมข้อความว่า ทนายความ และประตูกระจกเขียนข้อความ “รับว่าความทั่วราชอาณาจักร คดีแพ่ง-อาญา” พร้อมกับเบอร์ติดต่อ ภายในบ้านพบแม่ และลูกสาวของผู้ต้องหา อีก 2 คน โดยแม่อยู่ในอาการเสียใจ ขอร้องด้วยน้ำตาไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ เพียงแต่ให้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหาเป็นลูกชายได้เลิกอาชีพไก่หมุนแล้ว มารับว่าความหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว จึงเป็นเสาหลักของบ้าน ส่วนเรื่องความผิดว่ากันไปตามความผิด แต่หัวอกแม่ ลูกชายเป็นที่รักและคนหาเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด

แม่นายพรเทพ เล่าอีกว่า หลังลูกชายถูกควบคุมตัว ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย อีกทั้งไม่รู้จะไปติดต่ออย่างไรทางไหน ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก อยากไปประกันตัวออกมา ยอมรับว่าชีวิตขณะนี้ลำบากมาก เพราะตนก็เป็นผู้พิการไม่สามารถเดินได้ หลานสาวอีก 2 คน ตกอยู่ในสถานะที่ลำบากเช่นกัน แต่ยังโชคดีได้เพื่อนบ้านนำอาหารและสิ่งของจำเป็นมาแบ่งให้พอมีกินอิ่มไปเป็นมื้อ ทำให้ผู้สื่อข่าวสงสาร ต้องควักเงิน 500 บาท ช่วยเหลืออีกทางก่อนเดินทางกลับ