เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2564 รับทราบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565 และรับทราบผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณานโยบายมาตรการและแนวทางการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และพิจารณาแนวทางและกรอบวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของรองนายกฯ ในการอนุมัติให้แก่หน่วยงานของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อรับทราบผลการกำกับ และติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน ผลการดำเนินการการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ในการอนุมัติงบกลางฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รวม 1,513 โครงการ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคในปีงบประมาณที่ผ่านมาของรองนายกฯแต่ละคน ตลอดจนจะได้นำข้อขัดข้อง ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้ประกอบการกำหนดแนวทางหรือนโยบาย รวมทั้งวงเงินงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2566 ต่อไป

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ขอให้กรรมการทุกคนพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1.เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็ว 2.เร่งช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละจังหวัดให้เกิดความยั่งยืน และตรงตามสภาพปัญหาในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง 3.ให้บูรณาการและพัฒนาระบบฐานข้อมูลดิจิทัล ในการกำกับ ติดตาม ผลการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้มีประสิทธิภาพ 4.ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการตรวจและติดตามในพื้นที่ รวมถึงสรุปผลการดำเนินงานแล้วรายงานมาให้ทราบอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อีกทั้งขอให้ทุกคนดำเนินการตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป