จากกรณีข่าวสะเทือนขวัญส่งท้ายปี 2565 ของกรณี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งเข้าไปกราดยิงครู-เด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ และประชาชนในพื้นที่ ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แฉประวัติ ‘ไอ้แมน’ อดีตตร.คลั่ง ติดยาตั้งแต่มัธยม กร่างตัวพ่อ-ถูกไล่ออกคดียา

ภายหลังจากที่เกิดเรื่องราวเหตุการณ์สลดใจ โซเชียลแห่ติดแฮทแท็ก #กราดยิงหนองบัวลำภู โดยถกเถียงกันสนั่น และตามติดผู้กระทำผิดเพื่อหวังให้รับมาโทษอย่างถึงที่สุด ซึ่งล่าสุดมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ออกมาเขียนข้อความถกเถียงกรณีดังกล่าวจนเป็นไวรัล และทำให้ชาวเน็ตหลายคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างล้มหลาม โดยเขานั้นได้ระบุข้อความว่า “เมื่อสักเดือนก่อนมี รร.ชื่อเพลินพัฒนา ได้อบรมหลักสูตรหนีซ่อนสู้เพื่อรับมือกับภัยโจรกราดยิง มีหลายเสียงบอกว่าสอนไปทำไมโอกาสได้ใช้คงไม่มี แต่ไม่น่าเชื่อ ผ่านมาไม่ถึงเดือนเกิดเหตุขึ้นจริง ต่อไปนี่เป็นหลักสูตรที่ต้องถูกบังคับสอนในทุกโรงเรียนแล้ว #กราดยิงหนองบัวลําภู”

ซึ่งงานนี้หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตหลายคนแห่เข้ามาแสดงความคิด โดยส่วนใหญ่มองเห็นถึงความสำคัญของวิธีเอาตัวรอดอยากให้ทุกโรงเรียนมีมาตรการนี้เพิ่ม ทั้งนี้ โรงเรียนดังกล่าวที่ถูกดราม่าว่าเป็นการสอนที่ไม่ได้ใช้จริงนั้นคือ โรงเรียนเพลินพัฒนา

โดยทางแอดมินเพจเคยโพสต์ภาพบรรยากาศตอนฝึกซ้อมพร้อมข้อความว่า “ช่วงบ่ายวันนี้ (21 กันยายน 2565) ช่วงชั้นมัธยมจัดการฝึกเอาตัวรอดในสถานการณ์กราดยิง (Active Shooter) ให้กับนักเรียนชั้น 7-8-9 โดยทีมครูฝึกจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน โดยการฝึกนี้ได้สาธิตให้นักเรียนรู้จักกับอาวุธ และเสียงจากอาวุธ และฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง

ในการเข้าไปในพื้นที่สาธารณะที่เป็นพื้นที่ปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสถานที่ต่างๆ หรือแม้แต่โรงเรียน ฯลฯ สิ่งที่ควรฝึกให้เป็นนิสัย คือการสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเฉพาะบุคคลที่เดินสวนกันไปมา เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้เสมอ เราอาจจะเผชิญกับการก่อการร้าย เช่น การกราดยิง หรือไล่ทำร้ายร่างกายก็เป็นได้ สิ่งที่ควรจับสังเกตมีดังนี้

1. การแต่งกายของคนร้าย ส่วนใหญ่จะสะพายกระเป๋า ใส่เสื้อคลุม ที่ดูปกปิด มิดชิด เพื่อซ่อนอาวุธที่นำมา

2. ท่าทางการเดิน จะเป็นการก้าว ระยะสั้นๆ เนื่องจากต้องประคองปืนขณะเดิน

3. สังเกตท่าทางของคนรอบข้าง หากไม่น่าไว้วางใจ ควรอยู่ให้ห่าง และมองหาทางออกไว้ล่วงหน้า

หากเกิดเหตุการณ์กราดยิง สิ่งที่เราควรทำมี 3 ข้อ Run – Hide – Fight

1. Run (หนี) เมื่อเผชิญเหตุ สิ่งแรกที่ต้องทำคือวิ่งหนีหาทางออกที่ปลอดภัยที่สุด โดยการมองหาประตู หรือทางออกฉุกเฉิน เพื่อออกจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด หากเป็นไปได้ให้พาเพื่อนและคนรอบข้างออกไปด้วย ขณะวิ่ง ต้องพยายามเก็บเสียงให้เงียบ และวิ่งให้ไวที่สุด อย่ากลับเข้าพื้นที่นั้นโดยเด็ดขาด

2. Hide (ซ่อน) หากวิ่งจนเจอทางตันแล้ว ถัดมาคือการซ่อน และข้อพึงระวังคือห้ามซ่อนหลังประตู เพราะประตูมักจะเป็น จุดแรกๆที่คนร้ายจะเล็งเป็นเป้า และประตูก็ไม่สามารถกันกระสุนได้ ควรมองหาจุดที่กันกระสุนได้ หรือ หากเป็นห้อง ให้ล็อกกลอนและหาวัตถุที่มีน้ำหนักมาขวางประตูไว้ เมื่อหาที่ซ่อนได้แล้ว เราต้องอยู่ให้เงียบที่สุด ปิดระบบเสียงโทรศัพท์ หรี่แสงของโทรศัพท์ให้เหลือน้อยที่สุด รอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลง

3. Fight (สู้) เมื่อถึงทางออกสุดท้าย หนีไม่ได้แล้ว เราต้องหันหน้ามาสู้ เพื่อหาทางรอดอีกครั้ง อันดับแรก ควบคุมสติ มองหาสิ่งรอบตัวที่เป็นอาวุธได้ ปากกา ขาแว่น หรือหาของแข็งที่จับกระชับมือ มุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนต่าง เช่น จิ้มตา ต้นคอ หรือ จุดอ่อนอื่นๆ เมื่อคนร้ายเสียหลักให้พยายามหนีให้เร็วที่สุด

สำหรับการขอความช่วยเหลือนั้นเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ สิ่งแรกตำรวจจะเข้าจัดการคนร้ายก่อน เมื่อจัดการคนร้ายได้แล้วจึงจะเข้าช่วยคนเจ็บตามมา

วิธีแจ้งเหตฉุกเฉินด้วยหลัก LCAN

1. Location บอกจุดตำแหน่งที่อยู่

2. Condition แจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น

3. Action กำลังเผชิญกับอะไร

4. Need ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด

เมื่อเราต้องเผชิญเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจเข้า-ออกจะถี่ขึ้น สูญเสียการได้ยิน เมื่อคิดถึงแต่ภัยจะไม่รับรู้สิ่งรอบตัว ในช่วงเวลานี้การตั้งสติ ไม่ร้องไห้ โวยวาย เงียบที่สุด และหนีให้เร็วที่สุดคือสิ่งที่จะช่วยให้เราเอาตัวรอดได้

ขอขอบคุณทีมครูฝึกจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานที่มาให้ความรู้กับครูและนักเรียนนะคะ นอกจากกิจกรรมนี้แล้วตลอดสัปดาห์นี้ นักเรียนยังได้เรียนรู้การทำ CPR การดับเพลิงและหนีออกจากห้องที่เต็มไปด้วยควัน รวมถึงการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด (survival swimming) #เรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด#ท้าทายศักยภาพในวัยมัธยม#เพลินพัฒนา”…