จากรณีตำรวจนครบาลบุกช่วยเหยื่อ 5 ราย ประกอบด้วยอดีต 3 พยาบาลสาวและลูก ถูกนายทุนคลั่งลัทธิ ลวงให้หนี้อุปโลกน์ 140 ล้านบาท ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายสุดวิตถาร ทั้งโกนผมและลวกนํ้าร้อน อย่างทารุณนานกว่า 3 ปี เหตุเกิดในคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. และสน.บวรมงคล นำหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 505/65 ลงวันที่ 17 ต.ค. 65 เข้าจับกุมตัว นายฮารุ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”

และนายตรีเพชรรัตน (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 506/65 ลงวันที่ 17 ต.ค.65 ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”

บุกช่วยพยาบาล ‘แม่-ลูก’ เหยื่อ ‘ผู้นำคลั่งลัทธิ’ ทำร้ายวิตถารโกนผม-สาดน้ำร้อน

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการสอบปากคำและเช็คประวัติข้อมูลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทราบว่าไม่ได้มีเชื้อสายหรือเป็นชาวเกาหลีแต่อย่างใด โดยทั้งคู่ยอมรับร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย และใช้กลอุบายแอบอ้างว่าเป็นนักลงทุนจากประเทศเกาหลี เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเท่านั้น

โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะควบคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชร ส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล ทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาที่มาที่ไป และแผนประทุษกรรมทุกขั้นตอนที่ผู้ต้องหาใช้หลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อ ตลอดจนการนำตัวผู้เสียหายและลูกๆมากักขัง ที่ห้องพักภายในคอนโดมิเนียมย่านพระราม 8 และก่อเหตุทำร้ายร่างกาย จากนั้นจะแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.