เมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 18 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย จากนโยบายกัญชาเสรี และล่าสุดเปลี่ยนใจไม่ยื่นแล้ว ว่าไม่ทราบเหตุผลและเรื่องนี้มีคนเล่าให้ฟัง แต่มองว่านักการเมืองด้วยกัน อย่ามาจ้องทำลายอะไรกันเลย ไม่ว่าพรรคไหนจะเข้ามาทำหน้าที่ในสภา วันที่ได้ประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ก็จะต้องหมั่นแข่งกันทำความดีให้กับประชาชน นั่นคือสิ่งที่นักการเมืองควรจะทำ ไม่ใช่มาคุ้ยหาเรื่องเล็กเรื่องน้อย และทำลายกันเองไม่มีประโยชน์อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างว่าท่านยังคงไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ ตอนนี้เป็นหัวหน้าพรรคแล้วต้องทำตัวให้เป็นหัวหน้าพรรค
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ถ้าทำผิดแล้วคิดว่าจะต้องยุบพรรคก็ต้องยุบ แต่พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่ตอบโต้ในเรื่องนี้ เพราะจะเลือกตั้งอยู่แล้ว นโยบายของพรรคได้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบก่อนที่จะไปรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตั้งแต่ปี 62 อีกทั้งนโยบายเรื่องกัญชาถูกบรรจุอยู่ในการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งรัฐบาลจะทำงานไม่ได้ ถ้าไม่มีการแถลงนโยบาย ดังนั้นนโยบายกัญชาทางการแพทย์อยู่ในวาระเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ จึงมีความชัดเจนอยู่แล้ว
“หากจะชนะควรชนะด้วยฝีมือการแข่งขันทำประโยชน์ให้กับประชาชน ให้ประชาชนตัดสินใจเลือก ไม่ควรที่จะจ้องทำลาย เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข แต่มาแต่ละดอก ตีรัน ฟันแทงทั้งนั้น เราไม่สู้ พรรคเราเล็กกว่าอยู่แล้วแต่เอาฝีมือมาเทียบกันดีกว่า ว่าใครรับใช้ประชาชนได้ดีกว่าและมากกว่า ทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน ซึ่งการจะมายื่นยุบพรรค ขอให้ดูว่าพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ใครทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุ่มเททุกอย่างให้กับประชาชน ไม่สนใจเรื่องความขัดแย้ง ต้องการให้ประชาชนมีความสุข พรรคภูมิใจไทยอยู่ในทำนองคลองธรรมนี้มาโดยตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง“

เมื่อถามว่า การตำหนิ นพ.ชลน่าน ว่าไม่มีวุฒิภาวะต้องการให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่พรรคตน แต่คนเป็นผู้นำต้องมีวุฒิภาวะสูงอันนี้สำคัญมาก
เมื่อถามต่อว่านายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จะมาอยู่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการพูดคุยกัน ซึ่งจะต้องพูดคุยกันในเรื่องของความเข้าใจ เพราะพรรคภูมิใจไทยอยากมี ส.ส.ใน กทม. เพราะเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีผู้แทนฯ ก็อยากทำประโยชน์ให้คนกรุงเทพฯ แม้ว่าพรรคเราจะไม่มีผู้แทน เราก็ทำประโยชน์ให้กับคนทั่วประเทศและคนกรุงเทพฯ ทั้งนี้ พรรคได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง เราจึงจำเป็นต้องพูดคุยกับผู้ที่มีความนิยมหรือเข้าใจในพื้นที่ในกรุงเทพฯ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายพุทธิพงษ์ จะเชิญ ส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) คนอื่นเข้าร่วมอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการพูดคุยกัน กินข้าว ยังไม่ได้มีการลงในรายละเอียด ซึ่งจะต้องดูว่านายพุทธิพงษ์มีข้อจำกัดอะไรหรือไม่ หากพูดคุยแล้วไม่มีข้อจำกัดช่วยงานกันได้ แต่ต่อให้มีข้อจำกัดก็ช่วยงานกันได้ในฐานะคณะทำงาน เมื่อทำแล้วเกิดประโยชน์กับพรรค บ้านเมือง และประชาชนก็ไม่น่าจะเป็นการเสียเวลาในการพูดคุย ส่วนก่อนหน้านี้มีชื่อ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. จะมาร่วมงานด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน น่าจะไม่นานก็คงจะทราบ เพราะตอนนี้คุกรุ่นไปหมด พรรคจะถูกยุบหรือไม่ก็ไม่รู้
เมื่อถามว่าในอนาคตพรรคภูมิใจไทย จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ เมื่อเกิดปัญหาทะเลาะกันแบบนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ทะเลาะกัน ส่วนคำถามที่ว่าไม่ปิดประตูกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เราไม่ได้ทำผิดตามที่เขากล่าวหา อย่าไปเสียเวลา”
นอกจากนี้ นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมเสนอโครงการก่อสร้างสะพาน 2 แห่งในพื้นที่ภาคใต้วงเงิน 6,354 ล้านบาท ถูกมองว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งนั้น ว่าก็ไปคิดแต่อย่างนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชน สร้างสะพานจากพัทลุงไปสงขลา เพื่อย่นระยะทางถึง 70 กิโลเมตร ในการสร้างความเจริญทั้งการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกคนได้ประโยชน์ อย่าไปคิดอะไร เหลืออีก 3 เดือนจะเลือกตั้ง จะยุบสภาก่อนหรือไม่ก็ไม่รู้ ตราบใดที่ยังไม่ยุบสภา เราไม่หยุดที่จะทำงาน ทำแบบนี้ประชาชนได้ประโยชน์ขอให้แข่งกันทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ย้ำว่าอย่างไรพรรคภูมิใจไทยก็ไม่กลัว.