สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ( ซีดีซี ) ออกแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบสอดคล้องกับการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้สามารถใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากเทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ ของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และบริษัทโมเดอร์นา กระตุ้นเป็นเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ ให้กับผู้ป่วยซึ่งมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โดยรวมหมายถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ และผู้ที่ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะ
ทั้งนี้ วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอทั้งสองแบบ "สามารถใช้ทดแทนกันได้" กล่าวคือ บุคลากรการแพทย์สามารถใช้วัคซีนอีกยี่ห้อหนึ่งฉีดเป็นเข็มที่สามให้กับผู้ป่วยได้ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดหาวัคซีนแบบเดียวกับที่คนไข้ได้รับสองเข็มแรกได้

อย่างไรก็ตาม ซีดีซีและเอฟดีเอยังไม่แนะนำการฉีดบูสเตอร์ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งเป็นแบบฉีดเข็มเดียว และพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ "เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ" และ "กลุ่มคนทุกช่วงวัยซึ่งมีสุขภาพปกติ" ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 สองเข็มแรกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของโมเดอร์นา หรือไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค "ยังไม่มีความจำเป็น" เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม
สำหรับบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเข้าข่ายการรับบูสเตอร์ สามารถติดต่อไปยังสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอรับวัคซีนได้ทันที อย่างไรก็ตาม แนวทางของซีดีซีและเอฟดีเอ "ไม่ใช่การบังคับ" ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้เองว่าจะรับวัคซีนเข็มที่สามหรือไม่ ปัจจุบัน ข้อมูลทางสถิติของซีดีซีระบุว่า กลุ่มเปราะบางที่ได้รับสิทธิฉีดวัคซีนเข็มที่สามก่อน มีไม่ถึง 3% ในจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดของสหรัฐ.

เครดิตภาพ : REUTERS