กรณี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประสานผู้สื่อข่าวเข้าช่วยเหลือ ชายน้ำหนัก 200 กิโลกรัม วัย 32 ปี พักอยู่กับแม่สองคน ติดโควิด – 19 หลังรู้ผลติดเชื้อวันเดียวกันกับที่พ่อเสียชีวิตจากโควิด เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตัวเองเริ่มมีอาการ ต้องการความช่วยเหลือ แต่รู้ว่าเดินทางลำบากต้องการเพียงเครื่องออกซิเจนมาช่วยหายใจที่บ้าน ใน ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กระทั่งอาการเริ่มทรุดหนัก แม่ถ่ายคลิปนั่งหายใจติดขัดอยู่บนเตียงส่งให้ทนายโป้ง ดูเพื่อเร่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ทันการณ์ลมหายใจเริ่มแผ่วค่อยๆหมดไปเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.คืนวันเดียวกัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 15 ส.ค. ทนายโป้ง ประสานพระครูนนทกิจ โกศล เจ้าอาวาสวัดอ่วมอ่องประชานฤมิตร และเจ้าคณะอำเภอไทรน้อย นำร่างผู้เสียชีวิตไปเผาโดยทางเจ้าหน้าที่วัดได้นำรถมารับร่างผู้เสียชีวิตไปฌาปนกิจศพที่วัดฟรีทันที โดยพระครูนนทกิจ โกศล เจ้าอาวาสวัดอ่วมอ่อง สวมชุด PPE เดิงทางนำร่างศพผู้เสียชีวิตไปฌาปนกิจศพด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่แบกโลงศพขึ้นเมรุด้วยความยากลำบากเนื่องจากผู้เสียชีวิตมีน้ำหนักตัวมากถึง 200 กิโลกรัม

บาดหัวใจ!หนุ่มใหญ่หนัก200โลรู้ผลติดโควิด วันเดียวกับที่พ่อเสียชีวิตเพราะเชื้อมรณะ วอนช่วยเหลือ

มารดาผู้ตายกล่าวทั้งน้ำตาว่า น้องเสียชีวิตประมาณ 22.00 น. มีอาการหายใจไม่ออก บอกว่าไม่ไหวแล้ว ตนรู้สึกเสียใจมากไม่เคยคิดว่าจะมาเกิดกับตัวเองที่ต้องสูญเสียลูก ทั้งที่ก่อนหน้านี้น้องแข็งแรงไม่เคยเป็นอะไร ไม่สบายนิดหน่อยกินยาก็หาย ไม่ได้มีโรคประจำตัว แค่อ้วนแต่แข็งแรง ไม่แน่ใจว่าลูกไปติดโควิดมาจากไหน เพราะเขาบอกแค่ไปโดนฝนตอนออกไปซื้อของข้างนอกเท่านั้นพอเข้าบ้านก็รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว ไอ มีไข้ไปคลินิกที่เคยมีประวัติฉีดยากลับมาอาการไม่ดีขึ้นเลยไปซื้อชุดตรวจโควิดมาตรวจขึ้น 2 ขีด จึงรู้ว่าติดโควิดและด้วยความที่มีน้ำหนักตัวมากจึงไม่อยากรบกวนคนอื่นเข้าระบบรักษาที่บ้านแต่พอมีอาการหายใจไม่สะดวกจึงร้องขอความช่วยเหลือไปทางทนายโป้งและได้รับการช่วยเหลืออย่างดี กระทั่งทรุดหนักหายใจขัดหนักขึ้นจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียชีวิตดังกล่าว

ไม่ทันการณ์!หนุ่ม200โลป่วยโควิดทรุดหนัก นั่งหายใจขัดจนเสียชีวิตคาเตียง

แม่ผู้ตายเล่าอีกว่า อยากขอให้ลูกตนเป็นศพสุดท้ายของผู้ป่วยโควิดที่ต้องเสียชีวิตในบ้าน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบการช่วยเหลือให้ทันท่วงทีไม่ต้องรอนานเกินไป เวลามาหาไม่ใช่แค่นำปรอทวัดไข้กับเครื่องตรวจออกซิเจนมาให้ ยาอะไรก็ไม่มีมา ทั้งที่ลูกตนยังอยู่ขั้นตอนมีอาการรอผลตรวจยืนยันครั้งที่ 2 เพื่อรอเข้าระบบรักษาเพื่อจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้เท่านั้น ซึ่งคิดว่าระบบมันนานเกินไป และระหว่างรอโดยให้รักษาตัวเองที่บ้านก็ไม่มีอะไรที่ดีขึ้น ไม่ได้มาช่วยอะไร ส่วนเรื่องศพน้องก็ได้ทนายโป้งเป็นคนช่วยจัดการให้หาวัดหารถให้ ซึ่งตนก็คงไปร่วมเผาศพลูกชายที่วัดไม่ได้เพราะก็มีความเสี่ยงสูงกำลังรอผลอยู่เหมือนกัน สุดท้ายอยากบอกลูกว่ารักเขา เสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้

ทนายโป้ง กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังตำหนิโทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยน้องได้ เห็นน้องตั้งแต่วันแรกมีอาการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ระดับจังหวัดลงมาจนถึงระดับท้องถิ่น ซึ่งทุกคนได้ลงพื้นที่มาช่วยแก้ปัญหากันอย่างเต็มที่ แต่ก็เกิดปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานเนื่องจากระบบราชการเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เกิดความล่าช้าที่จะพาน้องเข้าสู่ระบบในการรักษาโควิดครั้งนี้ ทั้งๆที่มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ชัดเจนแล้วว่าโรคโควิดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินทันที อย่างเคสของน้องเป็นตัวอย่างที่ไม่มีเจ้าภาพในการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพราะฉะนั้นต้องเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติ เคร่งครัดตามประกาศราชกิจจานุเบกษาเอาไว้

ทนายโป้ง กล่าวอีกว่า ขอให้เคสของน้องเป็นศพสุดท้ายที่สังเวยโควิด ขอให้ศพน้องเป็นอนุสรณ์เตือนใจผู้บริหารทุกระดับชั้นตั้งแต่ภาคปฏิบัติจนถึงผู้บังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ใส่ใจกับคนทุกๆคนให้เหมือนเป็นญาติของท่าน อย่าปล่อยปละละเลย ดูแลและให้โอกาสในการรักษา เคสของน้องถ้ามีหน่วยงานราชการที่มีอำนาจอย่างแท้จริงลงมาดูแลคงไม่มีวันนี้ ฝากผู้หลักผู้ใหญ่ขอให้ศพของน้องเป็นศพสุดท้ายในความล่าช้าของการเข้าสู่ระบบการรักษาโควิด ส่วนของแม่น้องคิดว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง คาดว่าจะติดเชื้อโควิดด้วย ดังนั้นอย่าให้คุณแม่มาซ้ำรอยลูกตัวเองเลย ขอให้ผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดสั่งการมาพร้อมจัดให้อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือให้กับ อบต.ลำโพ เพื่อนำมาบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อในเขตพื้นที่รับผิดชอบเพราะอบต.ลำโพ มีเครื่องไม้เครื่องมือที่เพียงพอ หวังว่าคุณแม่ของน้องจะไม่เกิดกรณีเดียวกับน้อง